สันติภาพและความสงบสุขในชีวิตประจำวัน
ทั้งไบเบิ้ล ไดอารี่ และสมุดบันทึกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ระบุว่าวันนี้เป็น “วันสันติภาพสากล” แต่เมื่อไปดูในหนังสือ ORDO ของพระศาสนจักรสากลก็มิได้มีระบุอะไรแต่อย่างไร เขียนเพียงว่า วันนี้เป็นวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 2 ในเทศกาลธรรมดา
อย่างไรก็ดีพระวรสารวันนี้จากยอห์นบทที่ 2 ข้อ 1 ถึง 12 ที่เกี่ยวกับงานเลี้ยงแต่งงานที่เมืองคานา ก็ให้ความคิดบางอย่างเกี่ยวกับ “วันสันติภาพสากล”
ในโลกปัจจุบันของเรา ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ขาดความสงบสุข สารของสมเด็จพระสันตะปาปาโอกาสวันสันติภาพสากลปีที่ 49 (XLIX WORLD DAY OF PEACE) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 มกราคม 2016 ที่ผ่านมา ได้ระบุถึงความปั่นป่วนวุ่นวายของโลก โดยพระองค์ทรงเรียกความปั่นป่วนวุ่นวายเหล่านี้ว่าเป็นประหนึ่งเงาแห่งสงครามโลกครั้งที่ 3 ทรงกล่าวว่า “สงครามโลกครั้ง 3 เกิดขึ้นกระเส็นกระสายทั่วไปในโลก” ที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง และล่าสุดก็ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา มีคนบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก
นั่นคือ ระดับสากลของความปั่นป่วนวุ่นวาย
ความปั่นป่วนวุ่นวายในระดับภูมิภาคเป็นต้น ในประเทศไทยก็มีไม่น้อย นอกนั้นความปั่นป่วนวุ่นวาย ทั้งในพระศาสนจักรสากลและในพระศาสนจักรท้องถิ่นก็มีไม่เบา
ในสังคมเล็กๆรอบๆตัวเรา รวมทั้งในบ้าน ในครอบครัว ก็ใช่ว่าจะมีความสุขสงบสันติก็หาไม่
หันไปดูพระวรสารยอห์นในวันนี้ เราจะหาคำตอบอะไรได้บ้างเกี่ยวกับ “สันติภาพและความสงบสุข” ในวงแคบๆของชีวิตของเรา พระวรสารวันนี้จะให้คำตอบอะไรได้บ้างไหม ในการที่จะสร้างให้เกิด “สันติภาพ” ในวงแคบๆ และในชีวิตประจำวันของเรา
คำตอบคือ “มี”
ในงานเลี้ยงแต่งงานที่เมืองคานา ขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับการกินและดื่ม “เงาแห่งความวุ่นวาย” เริ่มปรากฏให้เห็นเมื่อ “เหล้าองุ่นหมด” และผู้สังเกตเห็น “เงาแห่งความวุ่นวาย” นี้เป็นคนแรกก็คือพระนางมารีย์ พระนางจึงเข้าไปบอกพระเยซูเจ้า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” จากนั้นแม่พระก็ไปบอกกับคนใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไรก็จงทำเถิด” จากนั้นสักพักใหญ่ๆพระเยซูเจ้าก็เริ่มสั่งการ “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” คำสั่งต่อไปคือ “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด”
น้ำในตุ่มนั้นเป็นน้ำสำหรับ “การชำระล้าง” ก่อนและหลังอาหาร คือ ใช้สำหรับล้างมือ ล้างเท้า แต่พระเยซูกลับสั่งให้ตักไปให้เจ้าภาพดื่ม
ถ้าคนใช้เหล่านั้น “ไม่เชื่อฟัง” หรือ “โต้แย้ง” ซึ่งก็น่าจะมีเหตุมีผลดี “ตักน้ำล้างมือ ล้างเท้า ไปให้แขกดื่ม” มันสิ้นคิดเสียเหลือเกิน อีกอย่างหนึ่งยังเสี่ยงกับการถูกไล่ออก หรือถูกลงโทษ แต่คนใช้ก็ไม่โต้แย้ง แต่กลับ “เชื่อฟังโดยดี” ความวุ่นวายโกลาหลของงานเลี้ยงแต่งงาน จึงไม่เกิดขึ้น เจ้าภาพก็ได้หน้า เพราะ “เหล้าองุ่นล็อตหลังนี้อร่อยเหลือเกิน” คนใช้ก็คงจะได้รับคำชม และตบรางวัล บ้างเล็กๆน้อยๆ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และสนุกสานาตั้งแต่ต้นจนปลาย
สันติและความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้จากการนบนอบเชื่อฟังพระเยซูเจ้า