สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง 15พฤษภาคม 2016
สมโภชพระจิตเจ้าดูเหมือนว่าในช่วง2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้ยินได้ฟังการกล่าวถึงองค์พระจิตเจ้ากันบ่อย ๆเพราะหลายๆวัดมีพิธีโปรดศีลกำลังให้เด็กๆที่เรียนคำสอนภาคฤดูร้อนแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงศีลกำลังสิ่งที่ต้องอธิบายควบคู่กันไปขาดไม่ได้นั่นก็คือ“องค์พระจิตเจ้า”และเน้นที่พระพรของพระองค์ที่ลงมายังผู้รับศีลกำลังซึ่งมักจะอธิบายกันว่าพระคุณของพระจิตนั้นมี7 ประการซึ่งจะไม่อธิบายรายละเอียดเป็นพระพรที่ช่วยให้มนุษย์เราเจริญชีวิตประจำวันในโลกนี้อย่างดีนั่นเอง
พระจิตเจ้าเป็นพระเป็นเจ้าเท่าเสมอพระบิดาและพระบุตรทรงเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นพระเจ้าองค์เดียวกันถ้าจะอธิบายตามภาษาชาวบ้านให้เข้าใจได้บ้างตามความคิดของมนุษย์ก็พอจะกล่าวได้ว่าเราเรียกพระเป็นเจ้าว่า“พระบิดา” เราจะคิดไปถึงการที่พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างเป็นผู้ให้กำเนิดการเรียกพระเป็นเจ้าว่า“พระบุตร” เราก็หมายถึงองค์พระเยซูเจ้าที่ทรงลงมารับสภาพมนุษย์มาไถ่บาปของเราและเราเรียกพระเป็นเจ้าว่า“พระจิต” เราก็หมายถึงพระเป็นเจ้าที่ทรงช่วยเหลือดูแลเราในชีวิตนี้ด้วยการประทานพระพรที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตเราจึงเชื่อว่า“ปราศจากพระองค์เราทำอะไรไม่ได้”
อย่างไรก็ดีทั้ง3 พระบุคคลคือพระบิดาพระบุตรและพระจิตทรงเป็นพระเป็นเจ้าองค์เดียวแยกกันไม่ได้ถึงตรงนี้จึงทำให้เราคิดถึงพระองค์ในพระเมตตาที่พระองค์ทรงมีต่อเราในฐานะของผู้ให้กำเนิดพระผู้กอบกู้และพระผู้ช่วยหรือผู้บรรเทาความทุกข์นั่นเองจึงสามารถกล่าวได้ว่าเมื่อพระบิดาทรงสร้างสรรพสิ่งพระบุตรและพระจิตก็ทรงอยู่ด้วยพระบุตรเสด็จลงมาในโลกพระบิดาแลพระจิตก็ทรงอยู่ด้วยและเมื่อพระจิตเสด็จลงมาพระบิดาและพระบุตรก็ทรงอยู่ด้วยเช่นกัน
เมื่อพูดถึงพระคุณของพระจิตเราจะเข้าใจมากขึ้นหากเราจะเปรียบพระคุณนั้นคือน้ำฝนที่ตกลงมาจากฟ้าเป็นน้ำชนิดเดียวเหมือนกันทุกแห่งแต่น้ำฝนนั้นทำให้เกิดผลแตกต่างกันออกไปเช่นทำให้ต้นมะม่วงก็ยังคงเป็นต้นมะม่วงที่สมบูรณ์ต้นมะพร้าวก็ยังคงเป็นมะพร้าวหรือต้นกุหลาบก็ยังคงเป็นต้นกุหลาบที่ออกดอกงดงามน้ำฝนมิได้เปลี่ยนธรรมชาติของต้นไม้ที่มันเป็นเพียงแต่ให้มันเป็นธรรมชาติของมันอย่างดีสมบูรณ์เท่านั้นพระพรหรือพระคุณของพระจิตก็เช่นกันจะช่วยให้เรามนุษย์เจริญชีวิตของเราเป็นตัวเราทำหน้าที่ที่เรามีอย่างดีเช่นเป็นพระสงฆ์เป็นนักบวชเป็นฆราวาสเป็นบิดา-มารดาเป็นนักเรียนเป็นแพทย์เป็นพ่อค้าฯลฯก็ให้เป็นอย่างดีอย่างถูกต้องเป็นแบบอย่างที่ดีต่อกัน… นี่เองจึงเป็นเรื่องของการเป็นร่างกายเดียวกันมีอวัยวะหลายส่วนและแต่ละส่วนก็ทำหน้าที่ของตนอย่างดีเพื่อร่างกายทั้งสิ้น… เราจึงกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าเรามีพระจิตองค์เดียวกัน
หลายครั้งหลายคนสงสัยว่าแล้วทำไม่ถึงยังมีการทะเลาะกันมีการแตกแยกมีการทำร้ายกันอยู่อีกต่างคนต่างไม่ยอมกัน… สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวก็เป็นเพราะว่ามนุษย์เรายังคงเกิดความ“หลง” อยู่ด้วยและนี้เองคือจุดบอดของชีวิตทำให้ดูเหมือนมีพระจิตหลายองค์… จึงต้องระวังดีๆด้วยอาศัยคำภาวนาพระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์ที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตของเราให้มีความเชื่อศรัทธาเสื่อมใสพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริง…. สวัสดีครับ.