ข้อคิดวันอาทิตย์ที่สิบหก เทศกาลธรรมดา ปี C
ข้อคิด…บทอ่านแรกจากหนังสือปฐมกาลซึ่งเล่าเรื่องของมหาบุรุษอับราฮัม และพระวรสารที่เล่าเรื่องของมาร์ธาและมารีย์ …ทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องของการรู้จักต้อนรับแขกทั้งแปลกหน้าและไม่แปลกหน้า การต้อนรับแขกนี้เป็นคุณธรรมที่ได้รับการยกย่องมากในหมู่คนโบราณ และแม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังถือว่าเป็นคุณธรรมที่จำเป็นและน่ารักอย่างยิ่ง
ในบทอ่านแรก (ปฐก 18: 1-10) เราได้แลเห็นว่าเมื่อชายแปลกหน้าสามท่านได้ปรากฏตัวให้ท่านอับราฮัม ท่านได้มีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการต้อนรับขับสู้ทันทีทันใดอย่างไร และพระยาห์เวห์ได้ทรงประทานรางวัลให้แก่ท่านอย่างไรบ้าง
จากภาพของมหาบุรุษอับราฮัมในบทอ่านแรกนั้น ก็จะช่วยทำให้เราเข้าใจพระวรสารได้ดีขึ้น…เข้าใจมาร์ธาและมารีย์น้องสาวที่ทำการต้อนรับพระเยซูเจ้าได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เราจะแลเห็นภาพที่ขัดแย้งกันระหว่างการกระทำของมาร์ธากับการอุทิศตนให้กับองค์พระเยซูเจ้าอย่างเงียบๆของมารีย์ ซึ่งมิได้หมายความว่าสิ่งที่มาร์ธากระทำนั้น ไม่มีความสำคัญแต่ประการใด เพียงแต่บอกให้เรารู้ว่ามารีย์ได้เลือกเอาบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญกว่าไป คือสิ่งที่ต้องมาก่อนสำหรับมารีย์ ก็คือการฟังพระวาจาขององค์พระเยซูเจ้า
ถ้าเราอยากจะเปรียบเทียบเรื่องราวของมาร์ธาและมารีย์ เป็นเรื่องของการกระทำตามหน้าที่และการอยู่เงียบๆทำการพิศเพ่งพระเจ้า ส่วนเรื่องราวของคนชาวสะมาเรียผู้ใจอารีนั้น เป็นการให้ความสำคัญของการกระทำว่าศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูเจ้านั้น ควรจะต้องทำอย่างไร…ในชีวิตคริสตชนของเราแต่ละคนนั้นทั้งการกระทำตามหน้าที่และการอยู่เงียบๆฟังพระวาจาของพระเจ้า เป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญด้วยกันทั้งคู่…เป็นการเติมเต็มให้กับชีวิตคริสตชนของเรา จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ มาร์ธาเป็นรูปแบบของผู้ให้บริการทั้งหลาย ส่วนมารีย์เป็นรูปแบบของการเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า คอยสดับฟังพระองค์
จากเรื่องราวของมาร์ธาและมารีย์นั้น พวกเราส่วนใหญ่มักจะรู้สึกเห็นใจมาร์ธามากกว่า เพราะต้องวุ่นอยู่กับการต้อนรับองค์พระอาจารย์เจ้า ซ้ำยังคล้ายๆกับจะโดนพระองค์ตำหนิเอาอีกด้วย ส่วนมารีย์นั้น ได้แต่นั่งเงียบๆเฉยๆ คอยฟังพระวาจาของพระองค์ คล้ายๆกับไม่ได้ทำอะไรเลย…มิใช่ว่าพระเยซูเจ้าจะไม่เห็นคุณค่าสิ่งที่มาร์ธาทำให้กับพระองค์ แต่พระองค์ทรงเป็นห่วงมาร์ธาว่าไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรสำคัญกว่ากัน
พระเยซูเจ้าต้องการที่จับประเด็นให้เห็นว่ามาร์ธาเป็นห่วงกังวลหน้าที่การงานของตนเองมากเกินไป นางอาจจะทำตัวเป็นทาสของหน้าที่การงานของตนมากเกินไป
ชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนจะมีงานอยู่ ๒ ประเภทด้วยกัน คืองานเร่งด่วนและงานสำคัญ งานหลายๆอย่างของเราจัดอยู่ในประเภทเร่งด่วนมากกว่าสำคัญ และคล้ายกับมาร์ธาที่เราให้ลำดับความสำคัญของงานเร่งด่วนมาก่อนงานสำคัญ ดังนั้นเราจึงเลื่อนงานสำคัญไปอยู่ภายหลัง และเมื่อถึงเวลาจะต้องทำงานสำคัญ เราก็อาจจะต้องทำอย่างรีบเร่งและไม่ละเอียด เพราะไม่มีเวลาเพียงพอ
ในชีวิตของเรา เราจะต้องรู้จักจัดลำดับก่อนหลังให้กับงานของเรา มารีย์รู้จักให้ความสำคัญของสิ่งที่นางจะต้องทำเป็นอันดับแรก และจะต้องทำอย่างดีที่สุดด้วย ถ้าเราจะสามารถใช้เวลาอยู่กับพระอย่างเงียบๆ ชีวิตของเราก็คงจะมีความนิ่งมากขึ้น และความห่วงกังวลก็คงจะลดน้อยลง
ชีวิตทำงานและชีวิตการสวดภาวนา มิได้เป็นชีวิตที่ขัดแย้งกันแต่อย่างใด ชีวิตทั้งสองประเภทนี้ จำเป็นสำหรับมนุษย์เรา และจำเป็นต้องนำมาบูรณาการให้มาเป็นชีวิตหนึ่งเดียวของเราแต่ละคน