ข้อคิดวันอาทิตย์ที่สิบแปดเทศกาลธรรมดาปีC
ลก12:13-21…คนโง่เอ่ยคืนนี้เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไปแล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า…คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเองก็จะไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้าซึ่งก็จะเป็นเช่นนี้แล…”
ข้อคิด…ครั้งหนึ่งมีคนตระหนี่ถี่เหนียวคนหนึ่งสะสมเงินไว้เป็นจำนวนมากและคิดล่วงหน้าไว้ว่าตนจะมีชีวิตที่สุขสบายเป็นเวลาอีกหลายๆปีอย่างไรก็ดีก่อนที่เขาจะได้ทำตามความคิดของตนเองว่าจะใช้จ่ายเงินอย่างมีความสุขทูตมรณะก็ได้มาเยือนเขาและต้องการเอาชีวิตของเขาไป
คนตระหนี่ถี่เหนียวคนนั้นได้ขอร้องทูตมรณะให้เขาได้มีอายุยืนยาวต่อไปอีกหน่อยว่า“ขอให้ผมมีชีวิตอยู่อีกสัก3 วันและผมจะให้ทรัพย์สมบัติของผมกึ่งหนึ่งกับท่าน” แต่ทูตมรณะไม่ยอมฟังคำของเขาและเริ่มลากเขาไปเพื่อฟังคำพิพากษาคนตระหนี่ถี่เหนียวจึงพูดว่า“ขอให้ผมมีชีวิตอยู่ต่ออีก1 วันเถิดและทุกอย่างที่ผมสะสมไว้ด้วยหยาดเหงื่อและด้วยความเหนื่อยยากจะเป็นของท่าน” แต่ทูตมรณะก็ปฏิเสธคำขอของเขาอีก
คนตระหนี่ถี่เหนียวพยายามหาทางออกเป็นครั้งสุดท้ายบอกกับทูตมรณะว่าขอเวลาอีกสักสองสามนาทีเพื่อเขียนพินัยกรรม… “ใครก็ตามที่ได้อ่านข้อความนี้ถ้าท่านยังมีเวลาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่าทำให้ชีวิตของท่านเสียไปโดยไร้ประโยชน์กับทรัพย์สมบัติที่หามาได้ดูชีวิตของผมซิ…ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไม่สามารถซื้อเวลาให้กับชีวิตของผมได้แม้แต่นาทีเดียว”
จำนวนทรัพย์สมบัติไม่ใช่สิ่งสำคัญแต่สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เราได้รับประโยชน์จากทรัพย์สมบัตินั้นความมั่งมีไม่ได้อยู่ที่จำนวนของทรัพย์สมบัติแต่อยู่ในสิ่งที่เราได้รับประโยชน์จากทรัพย์สมบัตินั้น…หลายๆคนสูญเสียความสามารถในการได้รับประโยชน์จากทรัพย์สมบัติที่ตัวเองมีโดยเฉพาะผู้ที่แห่กันเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะพวกเขาต้องการมีเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับคนอื่นๆแต่พวกเขายังไม่สามารถมีความสุขกับสิ่งที่อำนวยความสะดวกต่างๆเหล่านั้นอยู่ดี
ความร่ำรวยไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินที่เรามีแต่อยู่ที่ความสามารถของเราในการได้รับประโยชน์จากจำนวนเงินนั้นการแสวงหาความมั่งมีในขณะที่ไม่สามารถได้รับประโยชน์จากความมั่งมีนั้นก็เหมือนกับคนตาบอดที่สะสมวีดีโอหรือรูปภาพเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถที่จะชื่นชมกันมันได้ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
เงินทองถ้าใช้ไม่เป็นก็จะเป็นเหมือนห้องที่กักขังเราไว้…หลายๆคนเดินเข้าไปหาเงินทองเพื่อยอมเป็นทาสของมันเหมือนกับเดินเข้าห้องขังเพียงเพื่อได้ความพึงพอใจในการเป็นเจ้าของของมันแต่กลับต้องสูญเสียอิสรภาพอันเป็นพระพรใหญ่สุดที่พระเจ้าพึงประทานให้กับมนุษย์…พวกเขาไม่รู้ว่าตนเองพยายามฝ่าฟันสิ่งต่างๆไปเพื่ออะไรมีแต่ทำให้ตนเองอ่อนเพลียหมดกำลังในการแสวงหาสิ่งไร้ประโยชน์ซึ่งเป็นวัตถุสิ่งของและยอมตายด้วยการเป็นทาสของมัน…ช่างน่าอนาถเสียจริงๆ
หลายๆคนใช้ชีวิตอย่างรีบเร่งคล้ายกับรถด่วนทั้งๆที่ไม่รู้ว่ากำลังแสวงหาอะไรอยู่พวกเขาเพิ่มจำนวนของทรัพย์สมบัติเงินทองโดยที่ยังไม่รู้ว่าตนเองจะเอาเงินทองเหล่านั้นไปทำอะไรในขณะที่สิ่งที่เขาสามารถค้นพบและมีความสุขได้จริงๆแล้วก็อยู่ในความพอเพียงของมัน…เมื่อเราสามารถแยกแยะระหว่างสิ่งที่เป็นความจำเป็นกับสิ่งที่เป็นความต้องการเราจะรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าสิ่งเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอสำหรับเราแล้ว
“ความไร้สาระแห่งความไร้สาระทุกอย่างล้วนไร้สาระจะมีประโยชน์อะไรสำหรับมนุษย์ที่ทำงานด้วยความเหนื่อยยากและเหน็ดเหนื่อยเพื่อได้รับสิ่งที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์”…พวกเขาวาดภาพมุมมองของชีวิตของตนในการสะสมเงินทองทรัพย์สมบัติแต่เราจะต้องถามตัวเราเองว่า“จุดประสงค์ของชีวิตคืออะไร?”แน่นอนว่าต้องไม่ใช่เกี่ยวกับการมีทรัพย์สมบัติเงินทองเพราะทรัพย์สมบัติที่เรามีนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามเราก็ต้องละทิ้งมันไว้เบื้องหลังเมื่อเราตายไป
สิ่งของต่างๆของโลกไม่สามารถทำให้หัวใจของมนุษย์อิ่มเอิบได้พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถประทานความสุขชนิดที่หัวใจของมนุษย์ปรารถนาด้วยเหตุนี้นักบุญออกัสตินจึงได้กล่าวว่า“…พระเจ้าข้าเพราะพระองค์ได้ทรงสร้างข้าพเจ้าและหัวใจของข้าพเจ้าอยู่นิ่งไม่ได้จนกว่าจะได้พักพิงในพระองค์…”(Confessions 1: 1) และนักบุญเปาโลก็ได้กล่าวในทำนองที่คล้ายคลึงกันว่า“จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด…จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนอย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้”(คส3: 1-2) และพระเยซูเจ้าทรงเตือนเรามิให้สะสมทรัพย์สมบัติของโลกนี้แต่ให้ทำตัวของเราร่ำรวยในสายพระเนตรของพระเจ้า…อะไรคือสิ่งที่จะทำให้เราร่ำรวยในสายพระเนตรของพระเจ้า
” จงหาทรัพย์สมบัติที่ไม่มีวันหมดสิ้นในสวรรค์ที่นั่นขโมยเข้าไม่ถึงและแมลงขมวนไม่ทำลายเพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใดใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย” (ลก12: 33-34)