โป๊ปฟรังซิส: “เราทุกคนมีพระพรพิเศษที่พระเจ้ามอบให้ว่าแต่เราค้นพบหรือยัง“

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสพระสังฆราชแห่งกรุงโรมทรงสอนเราทุกคนมีพระพรพิเศษที่พระเจ้าประทานให้แต่เราต้องถามตัวเองว่าเราค้นพบพระพรนี้หรือเปล่าพระพรนี้ถูกนำไปใช้อย่างไรทรงชี้เราไม่ควรมองพระพรพิเศษเป็นตัวปัญหาแต่ต้องมองว่านี่เป็นของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้พระศาสนจักร

วันนี้พระสันตะปาปาทรงสอนเรื่อง”พระพรพิเศษ” (Charism) ซึ่งพระเจ้ามอบให้เราแต่ละคน

พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า”ในการสอนคำสอนสัปดาห์นี้พ่ออยากถามว่าพระพรพิเศษคืออะไรเราจะตระหนักถึงพระพรนี้และตอบรับพระพรพิเศษนี้ได้อย่างไรในความหมายกว้างๆคนส่วนมากจะคิดว่าพระพรพิเศษเปรียบเหมือนการมีพรสวรรค์หรือทักษะความสามารถพิเศษที่พบได้ในคนๆหนึ่งซึ่งพรสวรรค์นี้ทำให้คนๆนี้ดูโดดเด่นและมีเสน่ห์ดึงดูดแต่สำหรับคริสตชนมันมีอะไรมากกว่านั้นพระพรพิเศษคือพระหรรษทานนี่เป็นพระพรที่พระเจ้าพระบิดาทรงมอบให้เราโดยผ่านทางพระจิต

“พระพรพิเศษนี้ต้องถูกค้นพบและถูกยอมรับจากชุมชนพระศาสนจักรบางคนไม่สามารถแยกแยะได้ด้วยตัวเองว่าถ้าเขามีพระพรพิเศษกับตัวพระพรนั้นคืออะไรมันก็เหมือนคนประเภทหนึ่งที่ทุกๆคนได้ยินเขาคุยโวว่า’โอ้! ฉันมีพรสวรรค์นะฉันรู้วิธีการร้องเพลงเพราะๆ’ จากนั้นไม่มีใครกล้าที่จะขัดเขาด้วยการพูดว่า’หืมมมมันคงดีกว่านี้นะถ้าคุณจะหุบปากคุณกำลังทรมานพวกเราเมื่อคุณแหกปากร้องเพลง’ (สัตบุรุษปรบมือชอบใจคำเปรียบของพระสันตะปาปากันใหญ่)

“มันเป็นการดีสำหรับเราแต่ละคนที่จะถามตัวเองว่า’พระพรพิเศษประเภทไหนที่พระเจ้าประทานให้เราอย่างเด่นชัด’ นอกจากนี้ลองไตร่ตรองด้วยนะว่าพระพรนี้ถูกนำไปใช้อย่างไรลองถามตัวเองว่า’เราดำเนินชีวิตด้วยความเมตตาอุทิศตนรับใช้ทุกคนหรือเปล่าเราเมินเฉยและยุติทุกสิ่งด้วยการลืมทุกอย่างหรือไม่หรือพระพรพิเศษที่พระเจ้ามอบให้ได้กลายเป็นบ่อเกิดทำให้เราหยิ่งยะโสถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆมันจะเป็นปัญหาใหญ่เลยถ้าหากพระพรพิเศษกลายเป็นบ่อเกิดของความอิจฉาความแตกแยกและความริษยา

“แทนที่จะมองพระพรพิเศษเป็นปัญหาหรือทำให้เกิดความสับสนและความอึดอัดใจพระศาสนจักรไม่ควรกลัวความหลากหลายของพระพรพิเศษนี้พระพรเหล่านี้คือของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้กลุ่มคริสตชนเพื่อที่ว่าเราจะได้เติบโตในความสามัคคีในความเชื่อและในความรักประหนึ่งร่างกายเดียวกันซึ่งก็คือร่างกายของพระคริสตเจ้าพระจิตทรงเป็นผู้สร้างความหลากหลายของพระพรและพระจิตทรงเป็นผู้เดียวที่รวมความหลากหลายนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

“หนึ่งในคนที่เราควรดำเนินชีวิตตามแบบอย่างก็คือนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเยอซึ่งเราทำการระลึกถึงท่านในวันนี้(1 ตุลาคม) ท่านรักพระศาสนจักรมากๆท่านต้องการมีพระพรพิเศษทุกอย่างเฉพาะอย่างยิ่งพระพรแห่งการเป็นธรรมทูตนักบุญเทเรซาสวดภาวนาเยอะมากและไตร่ตรองว่าท่านควรจะทำอย่างไรดีที่สุดแล้วท่านรู้สึกได้ว่าพระพรพิเศษของตนเองคือความรักซึ่งความรักคือหัวใจของพระศาสนจักร

“พวกเราทุกคนก็เช่นกันเรามีพระพรพิเศษเหมือนนักบุญเทเรซานั่นคือความสามารถที่จะรักดังนั้นขอให้เรามีความสามารถที่จะรักและยอมรับพระพรพิเศษต่างๆด้วยความรักเหมือนเช่นที่เด็กๆรักพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นมารดาของเรา” พระสันตะปาปาตรัสในตอนท้าย

(ขอขอบคุณ: Pope Report)