ข้อคิดวันอาทิตย์ที่สามสิบเอ็ดเทศกาลธรรมดาปีC
ลก19: 1-10…วันนี้ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้วเพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วยบุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น…
ในพระวรสารของวันนี้เราจะแลเห็นพระเมตตาของพระเยซูเจ้าที่มีต่อคนบาปศักเคียสซึ่งเป็นคนเก็บภาษีที่ในสมัยนั้นคนทั่วไปถือว่าเป็นบุคคลประเภทเดียวกับโจรขโมยฆาตกรและหญิงไม่ดี…แต่พระเยซูเจ้ากลับประกาศว่าพระองค์ได้เสด็จมาในโลกนี้ก็เพื่อแสวงหาและช่วยคนแบบศักเคียสให้รอดพ้นซึ่งเมื่อได้สัมผัสกับความเมตตาของพระเยซูเจ้าแล้วศักเคียสก็ได้ตั้งใจที่จะกลับตัวเป็นคนดีเป็นคนชอบธรรม
ข้อคิด…ในบทอ่านแรกจากหนังสือปรีชาญาณ(ปชญ11: 22-12: 2) บอกพวกเราว่าสากลจักรวาลและสิ่งสารพัดทั้งหลายในนั้นเปรียบเสมือนฝุ่นผงบนตาชั่งหรือเหมือนน้ำค้างยามเช้าหยดหนึ่งที่ตกบนพื้นดินเมื่อนำไปเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ทรงรักและเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นสำหรับมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งสร้างอันประเสริฐของพระองค์พระองค์ก็ทรงมองข้ามบาปของพวกเขาเพื่อพวกเขาจะได้เป็นทุกข์กลับใจ…พระวรสารได้ยืนยันความจริงประการนี้ได้เป็นอย่างดีในการที่พระเยซูเจ้าได้ทรงแสวงหาคนเก็บภาษีศักเคียสและทรงเชิญชวนให้เขาเป็นทุกข์กลับใจจากการใช้ชีวิตแบบเก่าๆ
ในสมัยของพระเยซูเจ้านั้นคนเก็บภาษีได้รับการจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของพวกหัวขโมยฆาตกรและหญิงโสเภณียิ่งกว่านั้นเนื่องจากว่าพวกคนเก็บภาษีเหล่านี้ทำงานให้กับพวกชาวโรมันพวกเขาจึงถูกถือว่าเป็นคนทรยศชาติและได้รับการปฏิบัติเยี่ยงคนที่สังคมรังเกียจดังนั้นเราจึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมชาวเมืองเยริโคที่เปนคนดีจึงรู้สึกขัดเคืองเมื่อพระเยซูเจ้าไปหาศัคเคียสที่บ้านแต่พระเยซูเจ้ากลับบอกพวกชาวเมืองเหล่านั้นศักเคียสก็เป็นลูกของอาบราฮัมด้วยเหมือนกันและดังนี้จึงสมควรจะได้รับความรักความเมตตาสงสารจากพระเจ้าเฉกเช่นชาวอิสราแอลคนอื่นๆและพระองค์ยังได้ทรงประกาศว่าพระองค์เสด็จลงมาในโลกนี้เพื่อจะช่วยประชาชนให้ได้รอดพ้นเหมือนๆกับที่พระองค์ได้ทรงกระทำกับศักเคียส
ศักเคียสรู้สึกซาบซึ้งสะเทือนใจกับพฤติกรรมเช่นนี้ของพระเยซูเจ้าซึ่งทำให้เขาได้แลเห็นความผิดพลาดของตนที่แล้วๆมาพลางตั้งใจที่จะทำการชดเชยความผิดพลาดต่างๆเหล่านั้นด้วยในเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เราสามารถแลเห็นอีกครั้งหนึ่งว่านักบุญลูกาได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องการรู้จักใช้ทรัพย์สมบัติปัจจัยต่างๆที่ตัวเองมีอยู่ด้วยการแบ่งปันให้กับคนที่ยากจนกว่าด้อยโอกาสกว่า
ศักเคียสคงจะได้ยินเรื่องดีๆจากเพื่อนฝูงคนรู้จักเกี่ยวกับองค์พระเยซูคริสตเจ้าและต้องการจะแลเห็นพระองค์ชัดๆด้วยตัวเอง…ก่อนอื่นเขาต้องการจะดูว่าพระเยซูเจ้ามีบุคลิกลักษณะเช่นใด
แน่นอนเวลาที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่ไหนคงจะต้องมีประชาชนมากมายคอยติดตามพระองค์ซึ่งในครั้งนี้ก็เช่นกันแต่พระเยซูเจ้ามิได้ให้ความสนใจในฝูงชนเหล่านี้เท่าใดนัก…ความสนใจของพระองค์กลับมุ่งไปที่ชายวัยกลางคนเตี้ยๆคนหนึ่งที่ชื่อว่าศักเคียสที่ปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้เพื่อคอยดูพระองค์ความสนใจของพระองค์ในตัวศักเคียสนี้ได้ก่อให้เกิดความประทับใจแก่เขาเป็นอันมากทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญขึ้นมาและเป็นที่ยอมรับ
พระเยซูเจ้าเมื่อมองขึ้นไปบนต้นไม้แลเห็นศักเคียสแทนที่จะกล่าวตำหนิเขาด้วยถ้อยคำที่รุนแรงซึ่งจะทำให้พระองค์ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนมากขึ้นเพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็เกลียดพวกคนเก็บภาษีเป็นทุนอยู่แล้วแต่พระองค์กลับไม่กระทำเช่นนั้น…พระองค์ทรงเรียกชื่อเขาเชิญชวนเขาให้ลงมาจากต้นไม้พลางบอกเขาว่าพระองค์จะไปพักที่บ้านเขาซึ่งทำให้ศักเคียสดีใจมาก…ศักเคียสมิได้มีโอกาสเห็นพระเยซูเจ้าผ่านสายตาเท่านั้นแต่ได้มีโอกาสเห็นพระเยซูเจ้าแบบหน้าต่อหน้าและรู้ใจต่อใจซึ่งกันและกัน
ศักเคียสมิได้ค้นพบว่าพระเยซูเจ้าเป็นคนชนิดใดเท่านั้นแต่ยังได้ค้นพบและสัมผัสว่าพระเยซูเจ้ามีหัวใจแบบไหนอีกด้วย
การเป็นทุกข์กลับใจของศักเคียสเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและอย่างสัมผัสจับต้องได้ทั้งแน่ใจว่าการเป็นทุกข์กลับใจของศักเคียสจะเป็นอะไรที่ยั่งยืนอย่างแน่นอนเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหัวใจของเขา…เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยากเย็นกว่าการเปลี่ยนแปลงของหัวสมองหรือความคิดและน่าจะเป็นเรื่องของความรักที่เข้ามาสัมผัสแตะต้องหัวใจของเขาอย่างแน่นอนอันทำให้เขาได้เรียนรู้จักที่จะรักคนอื่นทำให้เขารู้จักเปิดใจทำให้เขารู้จักแบ่งปันทรัพย์สมบัติแห่งหัวใจของเขาให้กับคนอื่น…การเข้าใกล้หรือการเข้าถึงเพื่อนพี่น้องอย่างแข็งกระด้างย่อมทำให้หัวใจของเพื่อนพี่น้องถูกปิดกั้นและจะทำให้เขาใจแข็งขึ้นส่วนการเข้าใกล้หรือการเข้าถึงเพื่อนพี่น้องด้วยจิตวิญญาณที่สุภาพและอ่อนโยนเฉกเช่นพระเยซูเจ้านั้นจะบันดาลให้หัวใจของเพื่อนพี่น้องอ่อนละมุนและยอมเปิดใจให้…ไม่มีอะไรนอกจากหัวใจที่จะเปลี่ยนแปลงหัวใจด้วยกันได้
การเป็นทุกข์กลับใจของศักเคียสเป็นการเป็นทุกข์กลับใจไปสู่สิ่งดีๆและเราทุกๆคนก็คงจะต้องการการเป็นทุกข์กลับใจแบบเดียวกันนี้เราแต่ละคนต่างก็มีศักยภาพที่ศักเคียสมีบางทีความสามารถเช่นนี้อาจจะยังบังซ่อนอยู่ในหัวใจของเราก็ขอให้เราได้ดึงมันออกมาใช้ทุกๆวันซึ่งจะเป็นการเป็นทุกข์กลับใจจากการปิดกั้นหัวใจของเรามาเป็นการเปิดหัวใจของเราสู่เพื่อนพี่น้องและจากหัวใจที่แข็งกระด้างมาเป็นหัวใจที่อ่อนโยนเปี่ยมด้วยความรักเมตตาสงสารต่อเพื่อนพี่น้องที่ขัดสนด้อยโอกาสเช่นเดียวกับดวงพระหฤทัยขององค์พระเยซูเจ้า
การเปลี่ยนแปลงหัวใจ
เฉพาะด้วยหัวใจเท่านั้นที่เราสามารถเป็นทุกข์กลับใจได้อย่างแท้จริงและการเป็นทุกข์กลับใจต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงหัวใจต้องเป็นการทำให้ชีวิตใหม่เกิดขึ้นต้องเป็นการถอนรากถอนโคนสิ่งไม่ดีต่างๆในตัวเราต้องไม่ปล่อยให้รากเหง้าที่ไม่ดีในตัวเรายังคงฝังรากฝังตัวอยู่ในตัวเราแต่ถ้าเราได้ทำการเปลี่ยนแปลงหัวใจของเราแล้วเราก็จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราด้วย
หลังจากที่ได้พบปะกับพระเยซูเจ้าแล้วหัวใจของศักเคียสก็ได้รับพลังขับเคลื่อนใหม่เหมือนกับแผ่นดินที่แห้งผากที่ได้รับน้ำฝนความกลัวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหัวใจเฉพาะการพบปะกันด้วยความรักที่สามารถทำได้การกลับใจของศักเคียสเป็นการกลับใจไปสู่ความดี
ในแต่ละวันเราต้องการกลับใจที่ว่านี้เราต้องทำการเปลี่ยนแปลงจากหัวใจที่ปิดตายไปสู่หัวใจที่เปิดกว้างจากหัวใจหินไปสู่หัวใจที่เป็นเนื้อหนัง
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์