ข้อคิดอาทิตย์ที่สาม เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีA
มธ11: 2-11…ท่านทั้งหลายไปดูอะไรในถิ่นทุรกันดาร…จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น…ในหมู่ที่เกิดจากหญิงไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำพิธีล้าง
ในพระวรสารของวันนี้เราเห็นพระเยซูเจ้ากำลังทำการอัศจรรย์…คนตาบอดกลับแลเห็นคนหูหนวกได้ยินคนง่อยเดินได้คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี…เป็นการแสดงออกซึ่งความรักเมตตาสงสารของพระเยซูเจ้าซึ่งมีต่อเพื่อนมนุษย์ที่กำลังเจ็บปวดและในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้เราก็สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกเดียวกันของพระเยซูเจ้าที่มีต่อเราแต่ละคนขอให้เราอย่าได้เกรงใจพระองค์ที่จะยอมให้พระองค์แลเห็นบาดแผลและความน่าสงสารของเราพลางทูลขอพระองค์ให้ช่วยรักษาให้หายด้วย
ข้อคิด…เวลาที่เราคิดถึงนักบุญยอห์นแบปติสต์เราก็มักจะคิดถึงท่านว่าเป็นผู้นำหน้าพระผู้ไถ่เพื่อจะเตรียมประชาชนสำหรับการเสด็จมาของพระองค์ดังนั้นเราจึงได้ยินเรื่องราวของท่านมากมายในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า…เราจะไม่ได้ยินว่าท่านยอห์นเป็นคนที่ต้องการหน่วงเหนี่ยวลูกศิษย์ของท่านไว้หลังจากที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเริ่มพระพันธกิจของพระองค์หรือท่านอยากให้มีผู้ติดตามมากมายแต่ก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่คิดว่าท่านยอห์นเป็นพระแมสสิยาห์แต่จริงๆแล้วตัวท่านเองไม่เคยมีความคิดเช่นนี้เลยแต่ถึงกระนั้นเราก็รู้ว่าหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า20 ปีเรายังสามารถพบลูกศิษย์ของท่านยอห์นในแผ่นดินศักดิ์สิทธ์เพราะลูกศิษย์ของท่านบางคนได้รับการต้อนรับให้เข้าสู่พระศาสนจักรเมื่อพวกเขาได้ยินพูดถึงองค์พระจิตเจ้าเป็นครั้งแรก(กจ19)
ในพระวรสารโดยนักบุญมาระโกและนักบุญลูกาไม่มีการแสดงนัยยะให้เห็นว่าท่านยอห์นได้ยอมรับว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระแมสสิยาห์แต่ว่าในพระวรสารโดยนักบุญมัทธิวในอาทิตย์ที่แล้วในการรับศีลล้างของพระเยซูเจ้าจากท่านท่านก็ยอมรับความเป็นพระแมสสิยาห์ของพระเยซูเจ้าเมื่อได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า“ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเราเป็นที่โปรดปรานของเรา” แต่ว่าในพระวรสารของนักบุญมัทธิวในวันอาทิตย์นี้กลับมิใช่อย่างนั้นท่านยอห์นยังคงตั้งแง่มีความเคลือบแคลงสงสัยในองค์พระเยซูเจ้า…พระวรสารของอาทิตย์ที่แล้วเราได้ยินเสียงร้องตะโกนของท่านยอห์นจากถิ่นทุรกันดารถึงผู้หนึ่งที่กำลังจะเสด็จมาส่วนในวันอาทิตย์นี้เราได้ยินเสียงของท่านยอห์นที่ตั้งคำถามจากคุกว่าพระเยซูเจ้าคือพระผู้ที่จะมาหรือจะต้องรอคอยใครอีก…
เพราะท่านยอห์นได้ประณามกษัตริย์เฮโรดอย่างเปิดเผยถึงการหย่าจากภรรยาของพระองค์เองและไปทำการสมรสใหม่กับภรรยาของน้องชายของพระองค์คือนางเฮโรเดียส…พระวรสารของวันอาทิตย์นี้จึงเปิดตัวท่านยอห์นแบปติสต์จากคุกที่มืดมิดอับชื้นที่ใช้ขังท่านและจากคุกที่ท่านโดนคุมขังนี้ท่านได้ส่งศิษย์ของท่านไปหาพระเยซูเจ้าเพื่อที่จะค้นหาความจริงว่าจริงๆแล้วพระองค์เป็นใครกันแน่ “ท่านคือผู้ที่จะมาหรือเราจะต้องรอใครอีก”
ถึงในขณะนี้ท่านยอห์นแบปติสต์รู้สึกสับสนไปหมดเรายังคงจำได้จากพระวรสารเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วว่าท่านยอห์นได้กล่าวถึงพระผู้ที่กำลังจะเสด็จมาว่าเป็นพระตุลาการที่เคร่งครัดที่ตั้งท่าจะลงโทษคนอธรรมนี่เป็นภาพของพระแมสสิยาห์ที่ยอห์นได้วาดเอาไว้…แต่เมื่อท่านได้ยินสิ่งที่พระเยซูเจ้ากำลังกระทำอยู่เช่นการรักษาคนป่วยให้หายจากโรคการที่บอกว่าคนที่มีใจอ่อนโยนและคนที่สร้างสันติก็เป็นสุขการที่ไม่ไปพิพากษาคนอื่นการรู้จักรักศัตรูการที่ไม่ได้เรียกร้องให้ศิษย์ของพระองค์ต้องจำศีลอดอาหารเหมือนกับศิษย์ของท่านยอห์นดังนี้เป็นต้นจึงทำให้ท่านเกิดความสงสัยว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระแมสสิยาห์ที่บรรดาประกาศกได้กล่าวทำนายถึงหรือเปล่า
เมื่อศิษย์ของยอห์นมาหาพระเยซูเจ้าพระองค์มิได้ให้คำตอบแก่พวกเขาว่า“แน่นอนเราเป็นท่านผู้นั้นแหละ”แต่พระองค์กลับบอกพวกเขาให้ดูว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นเช่นคนตาบอดกลับแลเห็นคนง่อยเดินได้คนโรคเรื้อนหายจากโรคคนหูหนวกได้ยินคนตายกลับคืนชีพคนยากจนได้รับการประกาศข่าวดีเช่นนี้เป็นต้นเหตุการณ์ต่างๆดังกล่าวนี้ก็จะไปสอดคล้องกับสิ่งที่ท่านประกาศกอิสยาห์ได้บอกเอาไว้ว่าในสมัยของพระแมสสิยาห์จะมีการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆของมนุษย์ดังที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำอยู่…คนที่พบกับพระเยซูเจ้าจึงต้องค้นหาเอกลักษณ์ของพระองค์จากสิ่งที่พระองค์พูดและกระทำ…นี่เป็นการท้าทายและการตัดสินใจในเรื่องของความเชื่อในองค์พระเยซูเจ้าของปัจเจกบุคคลซึ่งพระองค์เองก็ไม่สามารถทำแทนให้เราแต่ละคนได้รวมทั้งของท่านยอห์น แบปติสต์ด้วย
เมื่อพวกศิษย์ของท่านยอห์นได้กลับไปหาเจ้านายของตนที่คุกแล้วพลางรายงานสิ่งต่างๆให้ท่านได้ทราบ…ท่านยอห์นได้เชื่อหรือยังว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระแมสสิยาห์จริงๆหรือท่านยังคงสงสัยในองค์พระเยซูเจ้าต่อไป?…พระวรสารมิได้บอกอะไรในเรื่องนี้ให้เราได้ทราบเพราะว่าพระวรสารได้ให้ความสนใจในองค์พระเยซูเจ้ามากกว่าเวลาของท่านยอห์นได้จบสิ้นแล้วเพราะว่าพระผู้ที่ท่านรอคอยและตระเตรียมหนทางให้ล่วงหน้านั้นได้เสด็จมาแล้วดังที่สุภาษิตจีนบทหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า“เมื่อนิ้วชี้ไปที่ดวงจันทร์ก็ยังมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยังจ้องดูอยู่ที่นิ้วนั้นโดยไม่ยอมหันไปมองดูดวงจันทร์”
สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับท่านยอห์นแบปติสต์จากปากคำของพระเยซูเจ้าก็คือพระองค์ทรงชื่นชมยินดีในตัวท่านในแบบที่พระองค์ไม่เคยทำกับคนอื่นๆเลยท่านยอห์นมิได้เป็นเพียงแต่ประกาศกท่านหนึ่งเท่านั้นแต่ท่านยังเป็นมากกว่าประกาศกเสียอีกเพราะว่าในตัวท่านคำทำนายเริ่มจะค่อยๆเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาแม้ว่าตัวท่านเองจะไม่มีโอกาสแลเห็นก็ตามแต่ถึงกระนั้นพระเยซูเจ้าได้ทรงกล่าวต่อไปว่าผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น…อะไรที่ทำให้ผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ยิ่งใหญ่กว่าท่านยอห์นแบปติสต์?…ข้อเรียกร้องขั้นพื้นฐานเพื่อที่จะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสถาปนาขึ้นนั้นก็คือการรู้จักตัวตนของตนเองว่าเป็นใครและมีบทบาทอย่างไรในสังคม…ในพระศาสนจักรเริ่มแรกเมื่อพระวรสารได้ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ๆในบทข้าพเจ้าเชื่อวรรคแรกมี3 คำด้วยกันคือ“พระเยซูเจ้าเป็นพระผู้เป็นเจ้า”= “Jesus is Lord” ซึ่งเป็นการยอมรับและเชื่อว่าพระเยซูเจ้าคือผู้ใดดังนั้นผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์สามารถทำในสิ่งที่ท่านยอห์นแบปติสต์ทำไม่ได้คือการยอมรับและเชื่อว่าพระเยซูเจ้าคือผู้ใดและนี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์จึงยิ่งใหญ่กว่าท่านยอห์นแบปติสต์
คำถามหรือข้อสงสัยของยอห์นอาจจะเป็นคำถามหรือข้อสงสัยของพวกเราแต่ละคนด้วยนั่นก็คือ
Øพระเยซูเจ้าเป็นท่านผู้นั้นสำหรับเราแต่ละคนหรือว่าเราจะต้องรอท่านผู้อื่นอีก?
Øพระวรสารหรือข่าวดีของพระเยซูเจ้าเพียงพอสำหรับเราแล้วหรือยัง?
Øเราได้พบในองค์พระเยซูเจ้าว่าเป็นคำตอบที่แท้จริงสำหรับความใฝ่ฝันของเราหรือไม่?
Øบางทีในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้เราอาจจะมีคำถามหรือข้อสงสัยอีกบางประการที่เราอยากจะถามพระกุมารเยซู?