สวัสดีครับพี่น้องที่รักพบกันอีกครั้งในอาทิตย์ที่3 ของเทศกาลมหาพรตกับพระวรสารเรื่อง“การชำระพระวิหาร” วันนี้พระเยซูเจ้าทรงคว่ำโต๊ะแลกเงินเอาเชือกมาทำเป็นแส้และขับไล่บรรดาพ่อค้าให้ออกจากพระวิหารและทรงกล่าวว่า“จงนำของเหล่านี้ออกไป อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด” เพราะพระวิหารหรือบ้านของพระเจ้าที่แท้จริงควรเป็นสถานที่แห่งการภาวนาการนมัสการและการขอคืนดีกับพระเจ้าซึ่งทุกๆคนสามารถมาพบปะและสัมผัสกับพระเจ้าได้ทุกเวลามิใช่เป็นสถานที่ของการค้าขายหรือการแสวงหาผลกำไร หรือมีไว้เพียงเพื่อคนบางกลุ่มเท่านั้นจนทำให้ผู้คนในสมัยนั้นเข้าหาพระเจ้าได้ยากเหลือเกินเช่นพวกเขาห้ามคนต่างศาสนาห้ามคนพิการคนตาบอดและคนเก็บภาษีเข้าพระวิหารเป็นต้น
นอกจากนี้พวกเขายังกำหนดกฎเกณฑ์เรื่องการจ่ายเงินบำรุงพระวิหารที่ต้องใช้เงินเชเคลของชาวยิวจึงทำให้เกิดการทำธุรกรรมและมีกลุ่มพ่อค้าตั้งโต๊ะแลกเงินเกิดขึ้นเนื่องจากเงินเหรียญโรมันที่ใช้ทั่วไปไม่สามารถใช้บำรุงพระวิหาร(เพราะมีรูปเทพเจ้าและจักรพรรดิซึ่งเป็นคนต่างศาสนา)และพวกเขายังกำหนดกฎเกณฑ์เรื่องการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าที่ต้องใช้สัตว์เฉพาะหน้าที่พ่อค้านำมาเท่านั้นทำให้มีสัตว์นานาชนิดค้าขายกันหน้าบริเวณพระวิหารอาทิเช่นนกพิราบแกะและวัวที่นำมาขายให้กับผู้แสวงบุญและด้วยเหตุผลต่างๆนานาเหล่านี้จึงทำให้พระวิหารในสมัยพระเยซูเจ้าเต็มไปด้วยความวุ่นวายและเสียงอึกทึกคึกโคมของพ่อค้าที่มุ่งค้าขายทำกำไรกันหน้าพระวิหาร
ดังนั้นวันนี้พระเยซูเจ้าจึงทรงชำระพระวิหารเพื่อให้ข้อคิดแก่เราเกี่ยวกับพระวิหารหรือบ้านของพระเจ้าว่า….
ประการแรกเราควรเคารพและให้เกียรติกับพระวิหารหรือบ้านของพระเจ้าให้มากๆเพราะวัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่น่าเสียดายที่หลายคนก็ไม่ได้สนใจและให้เกียรติกับพระเจ้าน้อยเหลือกินเราจึงเห็นคนบางคนเล่นโทรศัพท์ในวัดคนทำธุรกิจและธุรกรรมผ่านทางโทรศัพท์ในวัดคนที่คุยกันในวัดแบบไม่เกรงใจใครในมิสซาหรือแม้แต่คนที่แต่งกายไม่เรียบร้อยกับการเข้ามาในบ้านของพระเจ้าซึ่งพ่อก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าพระเยซูเจ้าทรงเห็นพวกเราทำแบบนี้พระองค์จะทำอย่างไรกับสิ่งต่างๆเหล่านี้
ประการที่สองเราควรทำให้วัดหรือชุมชนแห่งความเชื่อของเราเป็นสถานที่แห่งความรักการอธิษฐานและการสรรเสริญพระเจ้าที่ใครๆก็ได้สามารถมาพบปะกับพระเจ้าและพบปะหมู่พี่น้องคริสตชนที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อช่วยเหลือให้อภัยแก่กันและกันและพร้อมสนับสนุนงานวัดตามกำลังความสามารถของเราแต่ละคน
ประการที่สามเป็นข้อคิดจากท่านนักบุญเปาโลที่กล่าวว่าเราแต่คนเป็นพระวิหารของพระเจ้า“ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้าและพระจิตของพระเจ้าทรงพำนักอยู่ในท่าน” (1 คร3:16) ดังนั้นเราจึงต้องรู้จักรักษาจิตใจของเราให้บริสุทธิ์และหมั่นชำระจิตใจของเราให้พ้นจากความเห็นแก่ตัวความอิจฉาริษยาความเกลียดชังและความคิดที่ไม่ดีต่างๆอาศัยศีลอภัยบาปและการปรับเปลี่ยนตนเองด้วยความตั้งใจ
…คุณพ่อปลัด…