ข้อคิดประจำวันอาทิตย์สมโภชปัสกา
ยน20: 1-9…เขาเห็นและมีความเชื่อแต่อัครสาวกทั้งสองยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่าพระเยซูเจ้าต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย…
วันนี้เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองเป็นวันที่พระคริสตเจ้าได้ทรงหักโซ่ตรวนแห่งความตายและได้ทรงเสด็จกลับคืนชีพจากความตายอย่างพระผู้มีชัย…มิใช่เพื่อพระองค์เองแต่เพื่อเรามนุษย์ทุกๆคนและพระองค์ทรงต้องการให้เราได้มีส่วนร่วมในชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนือบาปและความตายของพระองค์นี้
ข้อคิด…นักบุญเปโตรได้ปราศรัยกับประชาชนว่า“เขาประหารพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธโดยตรึงบนไม้กางเขนแต่พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามและโปรดให้พระองค์แสดงพระองค์มิใช่แก่ประชาชนทั้งปวงแต่ทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาพยานที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ล่วงหน้าแล้วคือเราทั้งหลายที่ได้กินและได้ดื่มร่วมกับพระองค์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย”(กจ10: 34-43)
การรับทนทุกข์ทรมานและการสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขนและการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ได้นำความรอดพ้นมาสู่มนุษยชาติเหตุที่พระองค์ทรงปรารถนาสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขนเพื่อเรามนุษย์ทุกคนก็เพราะทรงมีพระประสงค์ให้เราผู้เชื่อและศรัทธาในพระองค์ได้รับชีวิตนิรันดร์คือเมื่อถึงกำหนดเวลาพระองค์ได้ทรงพอพระทัยเสด็จลงมาจากสวรรค์มาบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกับเรามนุษย์ในทุกอย่างยกเว้นบาปเพื่อให้เราสามารถรับนิรันดรภาพเป็นมรดกตามพระสัญญาและเจริญชีวิตกับพระองค์ตลอดไปในพระอาณาจักรของพระเจ้า
นี่แหละเป็นพระหรรษทานที่เราได้รับจากพระธรรมล้ำลึกปัสกาซึ่งเราทำการเฉลิมฉลองอยู่ในขณะนี้และเป็นพระคุณที่เราได้รับในโอกาสสมโภชปัสกานี้อันเป็นวันสมโภชที่ยิ่งใหญ่และน่าปรารถนาที่สุดประจำปีพิธีกรรมของบรรดาคริสตชนและนี่เป็นการเริ่มต้นชีวิตจิตของผู้ที่กำลังจะเกิดใหม่ด้วยน้ำแห่งศีลล้างบาปเป็นน้ำที่ให้ชีวิตเป็นน้ำจากธารน้ำพุของพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรพวกเขาจะเกิดใหม่อย่างทารกไร้เดียงสาเสียงร้องของทารกนั้นก็บ่งบอกถึงมโนธรรมที่ใสสะอาดของพวกเขาพวกเขาได้รับชีวิตใหม่ในความเชื่อด้วยน้ำแห่งศีลล้างบาปเมื่อพวกเขาออกจากท่อธารน้ำแห่งพระหรรษทานศีลล้างบาปและได้รับแสงเทียนปัสกาซึ่งจะลุกโชติช่วงสว่างไสว…การสมโภชปัสกานำพระหรรษทานและความศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์มาสู่มนุษย์ด้วยการฉลองธรรมล้ำลึกปัสกานี้เป็นประจำทุกๆปีนอกจากนั้นพวกเขาก็จะได้รับการเลี้ยงดูจากพระศาสนจักรผู้เป็นมารดาที่รักและเอาใจใส่บรรดาบุตรของท่านด้วยทิพยาหารจากศีลมหาสนิทพวกเขาจะได้เป็นสมาชิกของหมู่คณะและของพระศาสนจักรซึ่งจะนมัสการพระเจ้าหนึ่งเดียวในพระตรีเอกภาพและพวกเขาจะขับร้องเพลงสดุดีที่เหมาะกับเทศกาลนี้พร้อมกับประกาศว่า“นี่เป็นวันที่พระเจ้าทรงสถาปนาขึ้นให้เราชื่นชมยินดีกันเถิด” เป็นพระเยซูคริสตเจ้าเองซึ่งเป็นพระวจนาตถ์ผู้เนรมิตความสว่างณเวลาที่พระเจ้าทรงสร้างโลกพระองค์ได้ทรงตรัสถึงพระองค์เองว่า“เราเป็นความสว่างของกลางวันผู้ใดเดินในความสว่างของกลางวันนี้จะไม่สะดุด” พระวาจานี้หมายความว่าผู้ใดติดตามพระคริสตเจ้าในทุกๆย่างก้าวก็จะเดินหนทางแห่งชีวิตตามทางของพระองค์จนบรรลุถึงพระบัลลังก์แห่งความสว่างนิรันดร์ในพระอาณาจักรพระเจ้า
วันสมโภชปัสกาเป็นวันฉลองแห่งชีวิตเพราะ“พระคริสตเจ้าได้ทรงกลับคืนชีพจริงแท้อัลเลลูยา” พระองค์ได้ทรงนำชีวิตและการดำเนินชีวิตแบบใหม่มาให้กับคริสตชนทุกๆคนเป็นชีวิตแห่งความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ส่วนคำ“อัลเลลูยา”หมายถึงจงสรรเสริญพระเจ้าเถิดหรือขอพระเจ้าจงทรงพระเจริญเป็นถ้อยคำที่เราคริสตชนจะพบอยู่บ่อยๆในบทภาวนาและบทเพลงในเทศกาลนี้คำ“อัลเลลูยา” นี้แทนความชื่นชมยินดีของคริสตชนเพราะการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้าไม่ใช่ความพ่ายแพ้แต่เป็นชัยชนะและเรามีส่วนในชัยชนะของพระเยซูเจ้าเหนือการทนทุกข์ทรมานบาปและความตายโดยรู้ว่าชีวิตนิรันดรกับพระคริสตเจ้ากำลังคอยเราอยู่และจะเป็นของเราทุกๆคนเพราะ“ข้าพเจ้ารอวันที่ผู้ตายจะคืนชีพและคอยชีวิตในภพหน้า” (บทข้าพเจ้าเชื่อฯ)
มนุษย์เราต้องการรู้ว่า“ชีวิตความเป็นอยู่หลังความตายเป็นอย่างไร?” “ผู้ตายกลับคืนชีพได้อย่างไร?”และ“พวกเขาจะมีร่างกายแบบไหน?” (1คร15: 35) นักบุญเปาโลกล่าวว่าคำถามเหล่านี้ไร้สาระและเสริมว่า“เมล็ดที่ท่านหว่านจะไม่งอกขึ้นจนกว่ามันจะเน่าเปื่อยเมื่อท่านหว่านท่านไม่ได้หว่านต้นไม้ที่เจริญเติบโตเต็มที่แต่เป็นเพียงเมล็ดข้าวสาลีหรือเมล็ดพืชอื่นพระเจ้าประทานร่างแก่เมล็ดพืชอย่างที่ทรงพอพระทัยและประทานผลแก่แต่ละเมล็ด” (1 คร15: 36-38)
ข้าแต่พระเจ้าวันนี้พระองค์โปรดให้พระบุตรชนะความตายเปิดประตูสวรรค์ให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเสียใหม่ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายที่สมโภชพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพได้รับการฟื้นฟูเปลี่ยนแปลงโดยพระจิตเจ้าและกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ในวันสุดท้ายด้วยเถิด
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์