ข้อคิดอาทิตย์สมโภชปัสกา
ยน20: 1-9…เขาเห็นและมีความเชื่อแต่อัครสาวกทั้งสองยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่าพระเยซูเจ้าต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย…
วันอาทิตย์สมโภชปัสกาเป็นวันยิ่งใหญ่ที่สุดในปฏิทินพิธีกรรมของพระศาสนจักร…พระเยซูเจ้าได้ทรงมีชัยชนะเหนือความตายมิใช่สำหรับพระองค์เท่านั้นแต่สำหรับพวกเรามนุษย์ทุกๆคนด้วย…ความชื่นชมยินดีแห่งวันสมโภชปัสกาบันดาลให้โลกมนุษย์เต็มเปี่ยมด้วยพระพรของพระเจ้า…เป็นความชื่นชมยินดีที่ความตายได้พ่ายแพ้ต่อพระคริสตเจ้าด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์…ดังนั้นให้เราได้เปิดหัวใจของเราต้อนรับความชื่นชมยินดีนี้ด้วยการเป็นทุกข์กลับใจมาหาพระเจ้า…
ข้อคิด…การรับทนทุกข์ทรมานและการสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขนของพระผู้ไถ่ซึ่งเราได้เฉลิมฉลองเมื่อวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นความรอดพ้นของมนุษยชาติ…เหตุที่พระองค์ทรงปรารถนาสิ้นพระชนม์เพื่อเรามนุษย์ทุกคนก็เพราะทรงมีพระประสงค์ให้เราผู้เชื่อในพระองค์ได้รับชีวิตนิรันดร์…เมื่อถึงกำหนดเวลาพระองค์ได้ทรงพอพระทัยเสด็จลงมาจากสวรรค์มาบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกับเรามนุษย์ในทุกๆอย่างยกเว้นบาปเพื่อให้เราสามารถรับความชื่นชมยินดีแห่งนิรันดรภาพเป็นมรดกตามพระสัญญาและเจริญชีวิตกับพระองค์ตลอดไปในพระอาณาจักรของพระเจ้าดังที่นักบุญเปาโลได้พูดกับชาวอิสราแอลที่เมืองอันทิโอ๊กในแคว้นปิสีเดียว่าเรานำข่าวดีนี้มาแจ้งแก่ท่านทั้งหลายว่าพระสัญญาซึ่งประทานแก่บรรพบุรุษของเราพระเจ้าได้ทรงทำให้สำเร็จตามนั้นแก่เราผู้เป็นลูกหลานของคนเหล่านั้น…คือพระองค์ได้ทรงโปรดให้พระเยซูกลับคืนพระชนม์ชีพ… (กจ13: 32-33)
สำหรับนักบุญยอห์นดังที่เราได้ยินได้ฟังจากพระวรสารของท่านว่าเรื่องราววันปัสกาเริ่มตั้งแต่เวลาเช้ามืดของวันต้นสัปดาห์คือขณะที่ยังมืดอยู่แต่เรื่องราววันปัสกาได้มีถ้อยคำที่งดงามน่าฟังดังที่ท่านนักบุญบอกเราในจดหมายของท่านว่า…เพราะความมืดกำลังผ่านพ้นไปความสว่างแท้จริงกำลังทอแสงขึ้นมาแล้วผู้ที่อ้างตนว่าอยู่ในความสว่างแต่เกลียดชังพี่น้องของตนผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด(1ยน2: 8-9)
ปัสกาที่เรากำลังเฉลิมฉลองกันอยู่นี้เป็นการเชื้อเชิญให้เราออกจากความมืดให้เข้าสู่ความสว่างขององค์พระคริสตเจ้าพระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพในความสว่างนั้นเราแลเห็นพระองค์และจำคนอื่นได้ว่าเป็นเสมือนเพื่อนพี่น้องในองค์พระเจ้า
ปัสกาได้เริ่มขึ้นในความมืดและที่ฝังพระศพปัสกาได้เริ่มจากใครบางคนซึ่งเกือบจะหมดหวังที่จะพบเห็นพระผู้ที่ตนรักและห่วงใยใครคนนั้นก็คือมารีย์ชาวมักดาลา…เมื่อนางได้มาถึงที่พระคูหานางเห็นว่าหินที่ปิดปากพระคูหาได้ถูกกลิ้งออกไปแล้วซึ่งทำให้นางคิดว่าคงมีใครบางคนที่ได้มาขโมยพระศพขององค์พระเยซูเจ้าไปเพราะนางยังไม่ได้รับการส่องสว่างให้เข้าใจว่าพระเจ้าจะไม่ยอมให้ความตายเป็นคำตอบสุดท้ายของพระบุตรของพระองค์
เมื่อนักบุญเปโตรและศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักได้ยินเรื่องราวที่มารีย์ชาวมักดาลาเล่าให้ฟังทันทีศิษย์ทั้งสองก็ได้รีบวิ่งไปที่พระคูหาศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักซึ่งวิ่งเร็วกว่าก็ได้ไปถึงพระคูหาก่อนพลางมองเข้าไปข้างในเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น…ทั้งสองได้เข้าไปข้างใน…เขาเห็นและมีความเชื่อ…แต่เขาทั้งสองคนยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่าพระเยซูเจ้าต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย…
วันสมโภชปัสกาเป็นวันสมโภชที่ยิ่งใหญ่และน่าปรารถนาที่สุดประจำปีพิธีกรรมของบรรดาคริสตชนนี่เป็นการเริ่มต้นของผู้ที่กำลังจะเกิดใหม่ด้วยน้ำแห่งศีลล้างบาปเป็นน้ำที่ให้ชีวิตเป็นน้ำจากธารน้ำของพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรพวกเขาจะเกิดใหม่อย่างทารกไร้เดียงสาเสียงร้องของทารกนั้นก็บ่งชัดถึงมโนธรรมที่ใสสะอาดของพวกเขาพวกเขาได้รับชีวิตใหม่ในความเชื่อเมื่อพวกเขาเหล่านี้ออกจากท่อธารน้ำแห่งพระหรรษทานและแสงเทียนปัสกาก็ลุกสว่างไสวการสมโภชปัสกานำพระหรรษทานและความศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์มาสู่มนุษย์โดยการฉลองธรรมล้ำลึกปัสกานี้เป็นประจำทุกๆปีนอกจากนั้นพวกเขาก็จะได้รับการเลี้ยงดูจากพระศาสนจักรผู้เป็นมารดาที่รักและเอาใจใส่บรรดาบุตรของท่านด้วยทิพยาหารจากศีลมหาสนิทพวกเขาจะได้เป็นสมาชิกของหมู่คณะและของพระศาสนจักรซึ่งจะนมัสการพระเจ้าหนึ่งเดียวในพระตรีเอกภาพพวกเขาจะขับร้องเพลงสดุดีที่เหมาะกับเทศกาลนี้พร้อมกับประกาศว่า“นี่เป็นวันที่พระเจ้าทรงสถาปนาขึ้นให้เราชื่นชมยินดีกันเถิด” เป็นพระเยซูคริสตเจ้าเองซึ่งเป็นพระวจนาตถ์ผู้เนรมิตความสว่างณเวลาที่พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งพระองค์ได้ทรงตรัสถึงพระองค์เองว่า“เราเป็นความสว่างของกลางวันผู้ใดเดินในความสว่างของกลางวันนี้จะไม่สะดุด”…พระวาจานี้หมายความว่าผู้ใดติดตามพระคริสตเจ้าในทุกสิ่งจะเดินหนทางแห่งชีวิตตามทางของพระองค์จนบรรลุถึงพระบัลลังก์แห่งความสว่างนิรันดร์ในพระอาณาจักรพระเจ้า
ข้าแต่พระเจ้าวันนี้พระองค์โปรดให้พระบุตรของพระองค์ได้รับชัยชนะเหนือความตายเปิดประตูสวรรค์ให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเสียใหม่ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายที่สมโภชพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพได้รับการฟื้นฟูเปลี่ยนแปลงโดยพระจิตเจ้าเพื่อจะได่กลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ในวันสุดท้ายด้วยเถิด
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์