แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ
วันที่8 กันยายนฉลองแม่พระบังเกิด
(The Nativity of the Blessed Virgin Mary, Feast)
พระศาสนจักรมักจะถือวันสิ้นชีพของนักบุญว่าเป็น“วันเกิด“และก็เป็นสิ่งถูกต้องเช่นนั้นเพราะวันนั้นเป็นวันที่ผู้ได้รับเลือกสรรได้จบชีวิตของเขาหรือของเธอบนแผ่นดินนี้และไปเกิดใหม่มีชีวิตเที่ยงแท้ในสวรรค์อย่างไรก็ตามมีข้อยกเว้นสำหรับ3 บุคคลนี้ซึ่งพระศาสนจักรกำหนดฉลองวันเกิดตามธรรมชาติด้วยก็คือพระเยซูเจ้าพระนางมารีย์และนักบุญยอห์นบัปติสต์
การบังเกิดมาของเด็กคนหนึ่งย่อมเป็นเหตุการณ์ที่น่าชื่นชมยินดีสำหรับครอบครัวนั้นเป็นจริงดังที่รพินฐนาถฐากอร์(Rabindranath Tagore – นักปราชญ์นักปรัชญาชาวอินเดีย- ผู้แปล) ได้กล่าวไว้ว่า”เด็กทุกๆคนมาสู่โลกด้วยหลักประกันว่าพระผู้เป็นเจ้ายังไม่ทรงเบื่อหน่ายกับมวลมนุษยชาติ” วันนี้ เราเฉลิมฉลองการบังเกิดของเด็กหญิงผู้หนึ่งซึ่งมาด้วยหลักประกันที่มากกว่านั้นเธอได้เป็นสัญญาณดังถ้อยคำของพระศาสนจักรที่ว่าเป็น”รุ่งอรุณแห่งความหวังและความรอดพ้นของโลกทั้งมวล”
การบังเกิดมาดุจนักบุญผู้ยิ่งใหญ่“จิตวิญญาณของเธอจึงสวยงามที่สุด“กว่าสิ่งสร้างใดๆที่พระเจ้าทรงสร้างมา- นี่เป็นคำสรรเสริญของนักบุญอัลฟองโซเดอลิกวอรี- ท่านยังเสริมอีกว่า”จากการถูกกำหนดไว้แล้วให้เป็นพระมารดาขององค์พระวจนาตถ์นิรันดรเด็กน้อยผู้นี้จึงได้รับพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่จนเปี่ยมล้นถึงขั้นที่ว่าขณะที่เธอปฏิสนธินิรมลนั้นเธอก็มีความศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าบรรดานักบุญทั้งหมดและทูตสวรรค์ทั้งปวงเพราะว่าเธอได้รับพระหรรษทานในขั้นที่สูงส่งกว่าซึ่งจะสอดคล้องกับศักดิ์ศรีของเธอในการเป็นพระมารดาของพระเจ้า”
พระนางมารีย์ผู้ทรงเป็นเอวาคนใหม่คือของขวัญแด่พระศาสนจักรไม่เพียงเท่านั้นทรงเป็นมารดาของพระศาสนจักรด้วยพระนางทรงเป็นประดุจของขวัญที่มอบให้พวกเราทุกคนด้วยวิถีทางที่พิเศษยิ่งโดยที่องค์พระเยซูคริสต์พระเทวบุตรของพระนางได้ทรงยกพระนางให้เป็นมารดาของเราแต่ละคนด้วย
พระนางมารีย์ทรงเป็นความปิติยินดีของพระบิดาเพราะเธอเป็นผลงานสร้างสรรค์มหัศจรรย์ชิ้นเอกของพระองค์พระนางมารีย์ทรงเป็นความปิติยินดีของพระบุตรผู้ซึ่งพินิจรำพึงในพระนางว่าทรงเป็นหีบแห่งพันธสัญญาที่ซึ่งพระองค์ได้ทรงรับเอาเนื้อหนังบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่โลกให้รอดตามพระประสงค์ของพระบิดาพระนางมารีย์ทรงเป็นความปิติยินดีสูงสุดของพระจิตเจ้าผู้ซึ่งทรงมองเห็นในเธอว่าเป็นเจ้าสาวที่บริสุทธิ์และซื่อสัตย์อย่างที่สุดของพระองค์และโดยพระนางที่พระองค์จะเสด็จลงมาและจะแผ่เงาปกคลุมพระนางในการให้กำเนิดองค์พระบุตร
ถ้าเปิดดูตามพระคัมภีร์แล้วไม่มีกล่าวอย่างชัดเจนถึงสถานที่พระนางบังเกิดอย่างไรก็ตามตามธรรมประเพณีเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ในกรุงเยรูซาเล็มวันฉลองนี้มีกำเนิดมาจากทางตะวันออกการฉลองครั้งแรกกระทำในกรุงเยรูซาเล็มในศตวรรษที่5 และต่อมาถูกนำมาฉลองในกรุงโรมเมื่อศตวรรษที่7 การฉลองนี้ช่วยในการกำหนดวันสมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมลว่าเป็นวันที่8 ธันวาคม(นับถอยหลังไป9 เดือน)
(ถอดความโดยคุณพ่อวิชาหิรัญญการจากหนังสือSaint Companions for Each Day; เขียนโดยA.J.M. Mausolfe และJ.K. Mausolfe)