ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ปี C
ลก15: 1-32…ในสวรรค์จะมีความยินดีเพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจ…ทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกันเมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ…เราจำเป็นต้องเลี้ยงฉลองและชื่นชมยินดีเพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีกหายไปแล้วได้พบกันอีก…
การทำบาปคือการออกห่างจากพระเจ้า…มีใครในพวกเราที่กล้าพูดว่าตนไม่เคยออกห่างจากพระเจ้าเลย…แต่ว่าพระเยซูเจ้าพระผู้เลี้ยงแกะที่ดีได้เสด็จมาตามหาพวกเราและพระองค์ทรงรู้สึกดีใจเมื่อได้พบพวกเรา…ให้เราได้ขออภัยโทษจากพระเจ้าสำหรับพฤติกรรมต่างๆของเราที่ได้ทำให้ตัวเราต้องออกห่างจากพระองค์…
ข้อคิด…มีบางคนกล่าวว่าทำไมคนเลี้ยงแกะจึงต้องทำให้เรื่องแกะตัวเดียวที่หายไปกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเมื่อยังมีแกะอื่นๆอีกตั้งเก้าสิบเก้าตัวที่ยังต้องเลี้ยงดูและเอาใจใส่และทำไมหญิงคนนั้นจึงต้องยุ่งอยู่กับเหรียญที่หายไปเพียงเหรียญเดียวและทำไมผู้เป็นบิดาจึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับบุตรชายคนเล็กที่เอาทรัพย์ส่วนที่เป็นมรดกไปผลาญเสียจนหมดสิ้น
ในชีวิตของเราอาจจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเมื่ออยู่กับตัวเราเรามักจะไม่ได้ให้ความสำคัญมากเท่าใดนักต้องรอจนกว่าสิ่งนั้นจะหายไปสูญไปเสียก่อนเราจึงจะสามารถแลเห็นความสำคัญของมันดังตัวอย่างเรื่องอุปมาทั้งสามเรื่องของพระเยซูเจ้าในพระวรสารของวันนี้ซึ่งต้องการจะบอกเราว่าสิ่งๆหนึ่งจะกลายเป็นสิ่งมีค่ายิ่งสำหรับเราเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเราและเราได้ลงทุนลงแรงอย่างมากเพื่อให้ได้มันมาและเพื่อให้มันอยู่กับเรา
และในพระวรสารของวันนี้เราจะแลเห็นท่าทีสองอย่างที่แตกต่างกันระหว่างท่าทีของชาวฟาริสี–ธรรมาจารย์ที่เป็นศัตรูกับคนบาปและท่าทีของพระเยซูเจ้าที่เป็นเพื่อนกับคนบาป…เพราะ“บุตรแห่งมนุษย์ได้เสด็จมาก็เพื่อที่จะตามหาและช่วยให้รอดพันผู้ที่ได้พลัดหลงหรือได้สูญหายไป” ซึ่งเราสามารถแลเห็นและสัมผัสได้ในเรื่องอุปมา“ลูกล้างผลาญ” ของพระเยซูเจ้าที่จริงผู้เป็นบิดาก็ได้สูญเสียบุตรทั้งสองคนคนหนึ่งก็ได้สูญหายไปในประเทศห่างไกลของลูกคนเล็กส่วนอีกคนหนึ่งได้สูญหายไปในถิ่นทุรกันดารแห่งความเป็นศัตรูหรือการผูกใจเจ็บของลูกคนโต…ลูกคนเล็กอยากจะลองใช้ชีวิตที่แตกต่างออกไปจากชีวิตที่บ้านแต่ในที่สุดก็พบกับความผิดหวัง…ส่วนลูกคนโตแม้จะอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปไหนก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าใจและยอมรับผู้ที่อยู่ด้วยกันกับเขาซึ่งเป็นน้องชายและบิดากลับแสดงอาการโกรธเคืองไม่ยอมเข้าบ้านไปแสดงความยินดีกับผู้เป็นพ่อและน้องชาย
แน่นอนผู้เป็นพ่อย่อมรักลูกทั้งสองพร้อมทั้งตั้งความหวังไว้ว่าลูกทั้งสองจะรักและยอมรับซึ่งกันและกัน…ท่าทีของผู้เป็นพ่อสะท้อนให้เห็นถึงความใจกว้างของพระบิดาเจ้าและของพระเยซูเจ้าที่มีต่อคนบาป…พระเยซูเจ้าทรงมีลูกทั้งสองคนในผู้ฟังคำเทศน์สอนของพระองค์ซึ่งเป็นทั้งชาวฟาริสี–ธรรมาจารย์และประชาชนคนบาป
จุดประสงค์ของพระเยซูเจ้าในการสอนเรื่องแกะที่ผลัดหลงหายไปและเรื่องเหรียญที่หายและเรื่องลูกล้างผลาญก็คือทุกคนมีความสำคัญและมีค่าอย่างยิ่งสำหรับพระเจ้าและยิ่งกับบุคคลที่คิดว่าได้สูญหายไปแล้วกลับได้พบกันใหม่พระเจ้าจะทรงรักบุคคลผู้นั้นมากขึ้นมิใช่ว่าจะรักน้อยลง…ก็ขอให้ผู้ที่เป็นพ่อแม่ได้ทำกับลูกหลานของตนเองเช่นเดียวกันด้วย
ชาวฟาริสีชอบมองตนเองว่าดีกว่าคนอื่นถือพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่องและทำตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนที่พวกเขาถือว่าเป็นคนบาปคนพวกนี้มักจะมีความคิดว่าพระเจ้าก็คงมีพฤติกรรมเหมือนๆกับพวกเขานั่นแหละคือพระเจ้าเองก็ไม่อยากข้องแวะกับคนบาปเหมือนกันหลักเกณฑ์สำคัญของศาสนาของพวกเขาคือ“พระเจ้าทรงรักแต่คนดีและไม่ชอบคนบาป” แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้พวกเขาเห็นถึงพระเจ้าที่แตกต่างจากที่พวกเขาคิดไว้
พระเยซูเจ้าทรงเข้าหาคนบาปด้วยความอ่อนโยนและความรักและด้วยความจริงใจพระองค์ทรงทราบดีว่าการถูกปฏิเสธและการถูกตัดสินว่าผิดไม่ได้ช่วยให้บุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงไปในหนทางที่ดีขึ้น…ตรงข้ามถ้าบุคคลนั้นได้รู้ซึ้งถึงการได้รับการยอมรับและได้รับความรักแล้วพวกเขาก็จะสามารถตอบรับและยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
เรื่องอุปมา“ลูกล้างผลาญ”ก็ยังถูกเล่าสืบต่อกันมาในทุกวันนี้…ส่วนคำตอบนั้นก็อยู่ในพฤติกรรมของเราแต่ละคน
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์