ข้อคิดอาทิตย์ที่หก เทศกาลปัสกา ปี A
ยน 14:15-21…ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา…เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้า เราจะกลับมาหาท่านในไม่ช้า…พระบิดาจะประทานพระจิตแห่งความจริงให้อยู่กับท่านตลอดไป
พระเยซูเจ้าได้ทรงตรัสกับพวกเราด้วยพระวาจาที่พระองค์ได้ทรงตรัสกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติบทบัญญัติของเรา”เราคงจะไม่สามารถเรียกตัวเราเองว่าเป็น “ศิษย์ของพระเยซู” ถ้าเรามิได้ฟังพระวาจาของพระองค์และไม่ได้พยายามที่จะเจริญชีวิตพระวาจานั้น
ข้อคิด…การรู้จักระงับอารมณ์ความรู้สึกต่อการจากไปของคนรักหรือของเพื่อนสนิทมิใช่เป็นเรื่องง่ายเลย และการจากไปในแต่ละครั้ง ก็มีขีดขั้นของความเจ็บปวดที่ไม่เท่าเสมอกัน…การจากไปที่สร้างความเจ็บปวดให้มากที่สุด ก็คือเมื่อคนที่เรารักจะต้องจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับมา…และอะไรที่ทำให้การจากไปชนิดนี้แตกต่างไปจากการจากไปชนิดอื่นๆ นั่นก็คือ…โชคชะตาสุดท้ายหรือชีวิตหลังความตายของเขาจะเป็นอย่างไร…
หลายๆครั้ง พระเยซูเจ้าได้ทรงตรัสถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ให้กับบรรดาศิษย์ของพระองค์แบบมีนัยยะว่าจะหมายถึงอะไรกันแน่…เป็นค่ำคืนก่อนที่พระเยซูเจ้าจะทรงสิ้นพระชนม์ ขณะที่พระองค์กำลังรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับพวกเขา พระองค์ได้ทรงบอกกับพวกเขาอย่างเปิดเผยถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ แต่ว่าในรูปแบบของ “การจากไป”หรือ“การกลับไปหาพระบิดา”
การจากไปมีหลายรูปแบบ…เช่นการจากไปแบบเป็นการทอดทิ้งกันไปเลย…เช่นเด็กทารกที่เพิ่งเกิดมาดูโลก ถูกแม่ผู้ให้กำเนิดทิ้งไปเลย หรือพ่อแม่ปู่ย่าตายายซึ่งลูกหลานเอาไปฝากตามบ้านคนชราตามที่เราได้ยินได้เห็นเป็นข่าวอยู่บ้าง การถูกทอดทิ้งแบบถาวรเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากที่สุดซึ่งสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้…ในพระวรสารไม่ได้พูดถึงการจากไปแบบนี้ เพราะพระเยซูเจ้ามิได้ทอดทิ้งสานุศิษย์ของพระองค์แบบเป็นการทอดทิ้งกันไปเลย
…หรือการจากไปที่เกิดขึ้นเพราะความจำเป็นเพื่อความดีของผู้ที่จากไป เช่นคนๆหนึ่งที่กำลังจากไปเพื่อจะกลับไปบ้านไปพบกับผู้ที่เป็นที่รักหรือจากไปเพื่ออนาคตที่ดีกว่า…และแน่นอน นี่เป็นจริงสำหรับในกรณีของพระเยซูเจ้าพระองค์ทรงจากไป ก็เพื่อความดีของพระองค์เอง เพราะพระองค์กำลังกลับไปหาพระบิดา ซึ่งก็เป็นการกลับไปบ้านแท้ของพระองค์เอง พระองค์กลับไปเพื่อไปรับเกียรติมงคล
…ที่สุด ก็มีการจากไปเพื่อความดีและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ถูกจากไป…นี่ก็เป็นจริงอย่างยิ่งสำหรับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับบรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้า…เพราะการจากไปของพระองค์จะเป็นความดีและประโยชน์สำหรับพวกเขาด้วย เพราะว่าพระองค์จะไปเตรียมที่ในบ้านของพระบิดาเจ้าหรือในเมืองสวรรค์ให้พวกเขาและจะส่งพระจิตเจ้ามายังพวกเขาด้วย การจากไปของพระองค์มิใช่เป็นการทอดทิ้งพวกเขาอย่างที่พวกเขากำลังคิดกันอยู่ พระองค์ได้ทรงสัญญากับพวกเขาเอาไว้ว่า “เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้า เราจะกลับมาหาท่าน” (ยน 14: 18)
นอกนั้น ยังเป็นความบันเทาใจอันยิ่งใหญ่สำหรับบรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าในชั่วโมงที่เจ็บปวดนี้ เพราะพระองค์ได้บอกว่าพระองค์จะกลับมาหาพวกเขาอีกและจะอยู่กับพวกเขาจนถึงวันสิ้นโลก
พระเยซูเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งบรรดาศิษย์ของพระองค์ให้เป็นกำพร้า เพราะโดยอาศัยความเชื่อ พวกเขาสามารถ “เห็น” พระองค์ในเพื่อนพี่น้อง และด้วยการนอบน้อมเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ พวกเขาจะถูกดึงดูดให้เข้ามามีส่วนร่วมสมาคมในความรักกับพระองค์และกับพระบิดาเจ้าในองค์พระจิต
เช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าก็มิได้ทรงทอดทิ้งให้พวกเราเป็นกำพร้าเราสามารถเข้าหาพระองค์และขอความช่วยเหลือจากองค์พระจิตเจ้าได้เช่นเดียวกับบรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าในยุคแรกๆเช่นกัน การสถิตอยู่หรือการปรากฏองค์ของพระเยซูเจ้า มิใช่เป็นความทรงจำที่เลื่อนลอยถึงบุคคลคนหนึ่งที่มีชีวิตในอดีต แต่ว่าเป็นการสถิตอยู่จริงๆขององค์พระเยซูเจ้าซึ่งสามารถเป็นชีวิตและทำการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเราได้อีกด้วย
แน่นอนไม่มีที่ไหนและเวลาใดที่เราจะรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้ชิดกับองค์พระเยซูเจ้า มากเท่ากับเวลาที่เราเข้าไปรับพระองค์ในศีลมหาสนิทในพิธีบูชาขอบพระคุณเพราะเมื่อเรารับพระองค์ในศีลมหาสนิท ก็จะทำให้เราได้มีส่วนในชีวิตพระของพระองค์…เราบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณของเราด้วยความรักของพระองค์ อาหารแห่งศีลมหาสนิทนี้นั้น ประทานให้กับเราซึ่งพละกำลังที่จะปฏิบัติพระวาจาของพระองค์และเจริญชีวิตดังเช่นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์
เรียนรู้จากนกนางนวล
เป็นวันที่หนาวเย็นที่ชายทะเล
เราเองก็หนาวสั่นเพราะคลื่นลมแรง
แต่ดูเหมือนว่านกนางนวลไม่ได้สนใจกับคลื่นลม
ตรงข้าม พวกมันกลับสนุกสนานกับคลื่นลมเหล่านั้น
ขณะที่กำลังจ้องมองดูพวกมันบินไปบินมา
เดี๋ยวก็บินขึ้นไปบนพื้นฟ้า
เดี๋ยวก็บินกลับลงมายังพื้นโลก
ตลอดเวลา พวกมันใช้พลังกระแสลม
ซึ่งช่วยส่งเสริมให้พวกมันมีพลังมากยิ่งขึ้น
จากการเฝ้ามองดูพวกนกนางนวลเหล่านี้
ก็ทำให้เราเองได้ทำการไตร่ตรอง
ว่าเราซึ่งเป็นศิษย์ของพระเยซู
ถูกกระแสลมแห่งความขัดแย้งพัดถาโถมเข้าใส่
จะสามารถพยุงตัวเองให้รอดพ้นได้อย่างไร
พระเจ้าข้า
โปรดประทานพระจิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
มาเป็นพละกำลังให้กับลูกๆของพระองค์
เพื่อจะได้สามารถปรับเปลี่ยนทั้งสิ่งที่ยากและง่าย
ให้เป็นประโยชน์สำหรับพวกลูก
เพื่อว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นกับพวกลูก
จะได้ช่วยนำพาพวกลูก
ไปตามหนทางเดินแห่งชีวิต
มุ่งไปสู่พระอาณาจักรของพระองค์
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์