ข้อคิดวันสมโภชพระตรีเอกภาพ ปี A
2 คร13: 11-13…ขอพระหรรษทานของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าขอความรักของพระเจ้าและความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้าสถิตอยู่กับทุกท่านเทอญ…
วันนี้เราทำการสมโภชธรรมล้ำลึกยิ่งใหญ่สุดแห่งความเชื่อของพวกเราคริสตชนนั่นก็คือธรรมล้ำลึกแห่งพระตรีเอกภาพ…พระเจ้าคือพระบิดาและพระบุตรและพระจิต…อันเป็นธรรมล้ำลึกที่เราต้องเชื่อและอธิษฐานภาวนาถวายเกียรติและดำเนินชีวิตธรรมล้ำลึกนี้อย่างซื่อสัตย์
ข้อคิด…สิ่งแรกที่บิดามารดาสอนเราเกี่ยวกับเรื่องของคริสตศาสนา ก็คงจะเป็นการทำ “เครื่องหมายสำคัญมหากางเขน” และสิ่งสุดท้ายที่พระสงฆ์ทำที่หลุมฝังศพของเรา ก็คือ ”การทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนเหนือร่างที่ไม่ไหวติงของเรา”เช่นกัน…เพราะชีวิตคริสตชนของเราถูกตราไว้ “ในพระนามของพระบิดาและพระบุตร และพระจิต” และบทภาวนาของพระศาสนจักรโดยทั่วไปจะเริ่มต้นและลงท้ายโดยกล่าวถึงพระบิดา ในฐานะพระผู้ทรงให้กำเนิดทุกชีวิตที่มีกล่าวไว้อยู่ในเรื่องของการสร้างโลก และการส่งพระบุตรของพระองค์หรือพระวจนาตถ์ให้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ ถูกทรมาน ถูกตรึงที่ไม้กางเขน กลับคืนพระชนมชีพและเสด็จสู่สวรรค์เพื่อช่วยเราให้รอดพ้น และการส่งพระจิต เพื่อการเกิดใหม่ของเราคริสตชนจากน้ำและพระจิตและการทำงานของพระองค์ในพระศาสนจักรและในชีวิตของคริสตชนแต่ละคน
การเผยแสดงของพระเจ้าว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดา และพระบุตร และพระจิตนั้น ก่อนอื่นหมด บอกเราถึงสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นสำหรับเรา แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับเอกภาพอันล้ำลึกของพระบิดาและพระบุตรและพระจิตนั้น เราคงไม่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจถูกต้องสมบูรณ์ด้วยภาษาของเรามนุษย์ซึ่งไม่สามารถบรรยายธรรมล้ำลึกอันสุดพรรณนาของพระเจ้าได้ แต่แน่นอนว่ามนุษย์ต้องการรู้จักพระองค์อย่างลึกซึ้งและอย่างละเอียด…อย่างไรก็ตามเราต้องตระหนักว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าการรู้เกี่ยวกับพระเจ้า ก็คือการรู้จักและรักพระองค์แบบที่คนรักรู้จักและรักกัน
สัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างบุคคลกับบุคคล ให้ความรู้จักเข้าใจกันและความสัมพันธ์ที่ไม่อาจจะบรรยายได้ในภาษามนุษย์ การรู้จักพระเจ้าแบบนี้เองซึ่งในที่สุดจะทำให้มนุษย์รู้จักพระเจ้าได้ดียิ่งขึ้น ดังที่นักบุญเปาโลบอกกับพวกเราว่า “พระเจ้าทรงพระปรีชาและทรงรอบรู้ลึกล้ำเพียงใด คำตัดสินของพระองค์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ และมรรคาของพระองค์สุดที่จะเข้าใจได้” (รม 11:33)
พระตรีเอกภาพซึ่งเป็นที่รู้จักในองค์พระบิดาและพระบุตรและพระจิตเป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ครบครันปราศจากการเจือปนจากสิ่งภายนอกทั้งไม่ถูกจำกัดอยู่ในพระผู้สร้างและสิ่งสร้างหากแต่ประกอบด้วยอานุภาพสมบูรณ์ที่จะสร้างสรรค์และใช้พลังได้อย่างอิสระเสรีพระธรรมชาติของพระองค์มั่นคงอยู่ได้เองโดยไม่มีการแบ่งแยกเพราะรวมเป็นหนึ่งในสามพระบุคคล…เหตุว่าพระบิดาทรงสร้างสรรค์ทุกสิ่งโดยทางพระวจนาตถ์ในพระจิตเจ้า…อันเป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวและคงอยู่ของพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ดังนั้นพระศาสนจักรในวันนี้จึงประกาศพระเจ้าหนึ่งเดียวในสามพระบุคคล…พระบิดาและพระบุตรและพระจิต
นักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงชาวโครินธ์โดยบรรยายทุกสิ่งถึงพระเจ้าหนึ่งเดียวคือพระบิดาผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาของสรรพสิ่งเมื่อท่านกล่าวว่า “พระพรพิเศษมีหลายประการแต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว…มีหน้าที่หลายอย่างต่างกันแต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้า(พระบุตร)เพียงองค์เดียว… กิจการมีหลายอย่างแต่มีพระเจ้า(พระบิดา)พระองค์เดียวผู้ทรงกระทำทุกอย่างในทุกคน”(1 คร12: 4-6)
พระคุณซึ่งพระจิตเจ้าทรงแจกจ่ายให้แต่ละคนก็เป็นของประทานของพระบิดาผ่านทางพระวจนาตถ์/พระบุตรเหตุว่าทุกสิ่งที่เป็นของพระบิดาก็เป็นของพระบุตรด้วยเป็นอันว่าทุกสิ่งที่พระบุตรประทานให้ในพระจิตจึงเป็นของประทานจากพระบิดา…ในทำนองเดียวกันเมื่อพระจิตเจ้าประทับอยู่ในเราพระวจนาตถ์(พระบุตร) และพระบิดาก็ประทับอยู่กับเราด้วยเหตุว่ามีแสงสว่างอยู่ที่ไหนความสุกใสก็อยู่ที่นั่นและความสุกใสอยู่ที่ไหนพลังรุ่งโรจน์ของแสงสว่างก็ฉายแสงออกจากที่นั่นซึ่งก็หมายถึงพระเจ้านั่นเอง
ในจดหมายถึงชาวโครินธ์ฉบับที่สองนักบุญเปาโลได้กล่าวเช่นเดียวกันว่า “ขอให้พระหรรษทานของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าขอพระเจ้า(พระบิดา) และความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้าสถิตอยู่กับทุกท่านเทอญ” (2 คร13:13) เหตุว่าพระหรรษทานและพระคุณซึ่งพระตรีเอกภาพประทานให้นั้นประทานให้โดยพระบิดาผ่านทางพระบุตรและในพระจิตและผลที่ตามมาจากพระหรรษทานและพระคุณนี้ก็มาจากพระจิตเจ้า…เพราะถ้าเราได้รับพระจิตแล้วเราก็จะมีความรักของพระบิดาและพระหรรษทานของพระบุตรและความสนิทสัมพันธ์กับพระจิต(นักบุญอาทานาส)
ดังนั้นให้เราพร้อมใจกันอธิษฐานภาวนาต่อพระตรีเอกภาพว่า “ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ประกาศยืนยันความเชื่อแท้จริงและยอมรับรู้พระเกียรติมงคลแห่งพระตรีเอกภาพพระผู้ทรงสถิตนิรันดร และขอกราบนมัสการทั้งสามพระบุคคลรวมเป็นพระเจ้าทรงฤทธิ์ และมีพระเดชานุภาพหนึ่งเดียวอาเมน”