ข้อคิดอาทิตย์ที่13เทศกาลธรรมดา ปี A
มธ10: 37-42…เราอยู่ในบ้านของพระเจ้าพระเจ้าทรงเป็นเจ้าบ้านส่วนเราเป็นแขกให้เราได้มีความรู้สึกว่าเราได้รับการต้อนรับและให้เราทำตัวเหมือนกับอยู่ที่บ้านและในเมื่อพระเจ้าทรงยอมรับเราก็ขอให้เราได้ยอมรับซึ่งกันและกันด้วย…
พระเยซูเจ้าทรงเตือนสอนสานุศิษย์ของพระองค์ให้พร้อมที่จะรู้จักเสียสละสิ่งอันเป็นที่รักของตนในชีวิตเพื่อพระเจ้าและเพื่อเพื่อนพี่น้อง
ข้อคิด…ใครก็ตามที่ไม่ยอมแบกกางเขนของตนและติดตามพระเยซูเจ้าไปก็ไม่สมควรเป็นศิษย์ของพระองค์…และเราแต่ละคนต่างก็มีกางเขนที่จะต้องแบกซึ่งก็หนักพอสมควรและเราพร้อมที่จะแบกมันหรือเปล่า?
พระเยซูเจ้าได้ทรงแบกกางเขนของพระองค์เช่นเดียวกันสิ่งที่เราต้องทำก็คือแบกกางเขนของเราแต่ละคนกางเขนของเรามิใช่ทำด้วยไม้แต่ทำด้วยหน้าที่การงานปัญหาความวิตกกังวลความป่วยไข้ความขัดแย้งกับคนที่อยู่ด้วยกันกับเราในบ้านซึ่งไม่เหมือนกันและในที่ทำงานฯลฯอาจจะไม่รู้จบสิ้นและกางเขนนี้อาจจะไม่ใหญ่โตอะไรมากมายนักส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นกางเขนอันเล็กๆแต่ว่าเยอะแยะเต็มไปหมด
กางเขนที่เราแต่ละคนต้องแบกนั้นคนอื่นอาจจะมองไม่เห็นและอาจจะไม่ใช่สิ่งปรากฏภายนอกแต่ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นภายในตัวเราเองเช่นความกดดันความทุกข์เศร้าโศกฯลฯ
กางเขนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือกางเขนที่เราไม่สามารถเลือกได้เช่นกางเขนที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนที่อยู่ยากแน่นอนเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าถ้าหากว่าเราสามารถเลือกแบกกางเขนอันใดก็ได้
การติดตามพระเยซูคริสตเจ้าเรียกร้องการรู้จักตายต่อตัวเองขบวนการของการรู้จักยอมตายเช่นนี้เริ่มต้นจากศีลล้างบาปซึ่งนักบุญเปาโลได้กล่าวเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือนการตาย…“ในศีลล้างบาปเราได้ถูกฝังพร้อมกับพระคริสตเจ้า” คือเวลาที่เรารับศีลล้างบาปเราก็ยอมปล่อยให้ชีวิตเก่าแห่งบาปของเราผ่านพ้นไปเพื่อให้เราได้กลายเป็นสิ่งสร้างใหม่ซึ่งสามารถใช้ชีวิตในอิสรภาพแห่งบรรดาบุตรของพระเจ้าแน่นอนนี่เป็นขบวนการที่ต้องใช้เวลาโดยอาศัยพระหรรษทานของพระเยซูคริสตเจ้า
แต่ว่าเป้าหมายของการตายเช่นนี้ก็คือการกลับฟื้นคืนชีพ…การตายจากคนเก่าที่เต็มไปด้วยความบาปจะมีผลลัพธ์ด้วยการเกิดใหม่ของตัวตนด้วยการมีรูปแบบขององค์พระคริสตเจ้าเป็นแบบอย่างและเมื่อตัวตนของเราสามารถอุทิศให้กับองค์พระเยซูเจ้าและผู้อื่นแล้วเราก็จะพบความครบครันบริบูรณ์ที่แท้จริงแห่งชีวิตในตัวตนของเรา
พระเยซูเจ้ามิได้เลือกเดินในหนทางแห่งชีวิตที่สะดวกสบายหรือพยายามหลีกเลี่ยงชีวิตที่ลำบาก…พระองค์ทรงเลือกหนทางแห่งชีวิตที่เสียสละและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอันเป็นหนทางชีวิตแห่งความรัก…ชีวิตแห่งความรักที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดซึ่งจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่อุดมสมบูรณ์
เรามนุษย์มิได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากความเจ็บปวดขององค์พระคริสต์แต่จากความรักของพระองค์ต่างหากและโดยผ่านทางการทนทุกข์ทรมานซึ่งบันดาลให้พระองค์ได้บรรลุถึงเกียรติมงคลถ้าหากเราทนทุกข์ทรมานทนความเจ็บปวดบนโลกใบนี้พร้อมกับพระองค์เราก็จะได้รับการสวมมงกุฎแห่งชัยชนะพร้อมกับพระองค์ในอาณาจักรสวรรค์
หนทางชีวิตแห่งการทนทุกข์และความเจ็บปวดเป็นหนทางที่แคบและลำบากแต่ก็เป็นความบรรเทาใจอันใหญ่หลวงสำหรับพวกเราที่ได้รับรู้ว่าองค์พระคริสตเจ้าพระผู้บริสุทธิ์ปราศจากบาปได้ทรงล่วงหน้าเราไปก่อนและได้ไปถึงเป้าหมายแล้วเป้าหมายที่ฉายแสงเจิดจ้าคอยส่องสว่างให้เราได้เดินไปจนสามารถบรรลุถึงการกลับคืนชีพที่สุกใสรุ่งเรือง
“พระเจ้าข้า
โปรดให้เราปลอดภัยจากความวุ่นวายใดๆตลอดไป
ขณะที่หวังจะได้รับความสุข
และรอรับเสด็จพระเยซูคริสตเจ้า
พระผู้กอบกู้ข้าพเจ้าทั้งหลาย”
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์