ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา ปี A
มธ13: 1-23…ผู้หว่านออกไปหว่านเมล็ดพืช…บางเมล็ดตกในพงหนามต้นหนามก็ขึ้นคลุมไว้ทำให้เหี่ยวเฉาตายไป…บางเมล็ดตกในที่ดินดีจึงเกิดผลร้อยเท่าบ้างหกสิบเท่าบ้างสามสิบเท่าบ้าง…
พระเจ้าทรงมีพระวาจากับพวกเราในหลายวิธีด้วยกันและพระเยซูเจ้าทรงเปรียบเทียบพระวาจาของพระเจ้ากับเมล็ดพันธุ์พืชพระวาจาซึ่งสามารถทำให้ชีวิตของเราเกิดดอกออกผล…อย่างไรก็ตามถ้าต้องการให้เมล็ดพันธุ์เกิดผลก็จะต้องปลูกไว้ในที่ดินดีดังนั้นเพื่อให้พระวาจาของพระเจ้าบังเกิดผลในตัวเราหัวใจของเราต้องพร้อมที่จะรับพระวาจานั้นแล้วนำเอาพระวาจานั้นมา“ปฏิบัติ”และเอามา“เป็นชีวิต”
ข้อคิด…เมล็ดพันธุ์พืชเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์จริงๆเพราะมันสามารถทำให้ผืนดินที่แห้งแล้งไม่เกิดผลบังเกิดผลอุดมได้แต่ว่าในขณะเดียวกันเมล็ดพันธุ์ก็เป็นอะไรที่เปราะบางอย่างที่สุดเพราะมันต้องขึ้นกับชนิดของดินที่มันจะต้องเติบโตขึ้นถ้าหากว่าดินไม่ดีเมล็ดพันธุ์ก็จะเหี่ยวแห้งอับเฉาและตายไปในที่สุดแต่ถ้าเป็นดินดีเมล็ดพันธุ์นั้นก็จะออกผลอย่างอุดมดังที่เราเห็นในธรรมชาติ
ในเรื่องของ“คำพูด” ก็เช่นเดียวกัน…คำพูดเป็นอะไรบางอย่างที่มีพลังอำนาจสูงมากๆ…คำพูดสามารถให้ความบรรเทาใจให้แรงบันดาลใจให้คำสอนให้การแก้ไขให้การท้าทายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตฯลฯหรือคำพูดนั้นอาจจะไม่ได้ให้อะไรเลยก็ได้ที่ร้ายกว่านั้นคำพูดบางคำอาจจะเป็นการทำร้ายและทำลายผู้อื่นได้เช่นกันเช่นคำพูดที่ทิ่มแทงคำพูดเท็จคำพูดที่ไร้สาระ ฯลฯดังนี้เป็นต้น
พูดไปแล้วคำพูดแต่ละคำนั้นขึ้นอยู่กับท่าทีของผู้พูดว่ามีจุดประสงค์เช่นใดและอยู่ที่ผู้ฟังว่าให้ความสนใจมากน้อยเพียงใด
เช่นเมล็ดพันธุ์บางเมล็ดที่ได้ตกลงบนริมทางเดินไม่ทันที่จะหยั่งรากลงไปในดินนกก็มาจิกกินจนหมดเป็นเช่นนั้นกับคำพูดที่ไม่ได้ออกมาจากใจจริงของคนเราการมีอคติต่อกันก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเราไม่ยอมเปิดใจให้แก่กันและกันเช่นเดียวกับความจองหองอวดดีที่ทำให้คิดว่าตัวเองรู้หมดทุกอย่างแล้วจึงไม่ยอมเปิดหูฟังคนอื่น…การมีความกลัวก็เหมือนกันที่อาจจะกลัวความจริงใหม่ๆหรือกลัวที่จะฟังความจริงที่ทำให้จิตใจไม่สบายการไม่ยอมฟังคนอื่นก็เป็นอุปสรรคที่สำคัญมากๆที่จะไม่ยอมรับคำสั่งสอนตักเตือนของผู้อื่น
บางเมล็ดพันธุ์ที่ตกลงบนพื้นหินมีดินเล็กน้อยก็งอกขึ้นทันทีเพราะดินไม่ลึกแต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นก็ถูกเผาและเหี่ยวแห้งไปเพราะไม่มีรากก็จะเหมือนกับคนที่ฟังพระวาจาและรับพระวาจานั้นด้วยความกระตือรือร้นแต่ว่าเมื่อนำเอาไปปฏิบัติหรือนำเอาไปใช้ในชีวิตก็รู้สึกว่ายากลำบากความกระตือรือร้นนั้นก็จะจางหายไปและไม่ช้าไม่นานก็จะทิ้งพระวาจานั้นไปชีวิตของคนหลายๆคนก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันคือเริ่มตั้งต้นได้แต่ไม่เคยได้ทำสำเร็จเพราะไปได้ไม่ถึงที่สุด
บางเมล็ดพันธุ์ที่ตกลงในพงหนามต้นหนามก็ขึ้นคลุมไว้ทำให้เหี่ยวเฉาตายไปแม้ว่าเมล็ดพันธุ์นั้นจะสามารถงอกขึ้นได้ในเบื้องต้นแต่เมื่อโดนต้นหนามขึ้นคลุมมันไว้ก็เท่ากับว่าถูกสะกัดกั้นไม่ให้เจริญเติบโตก็จะเหมือนกับหลายๆคนที่ได้รับพระวาจาของพระเจ้าแล้วแต่เนื่องจากว่ามีความสลวนห่วงใยในหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตจนทำให้ลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตดังเช่นในกรณีของมารธาซึ่งเอาแต่ทำการต้อนรับพระเยซูเจ้า…หลายๆครั้งเรามักจะพูดว่าเรามีธุระยุ่งทั้งวันจนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะสวดภาวนาและอ่านพระวาจา…คนเรามักจะวุ่นอยู่กับอาชีพธุระการงานภายนอกจนไม่มีเวลาหรือพลังเหลือไว้สำหรับเรื่องของฝ่ายจิต
ในที่สุดบางเมล็ดพันธุ์ที่ตกในที่ดินดีจึงสามารถหยั่งรากลึกได้ได้รับน้ำเลี้ยงและอาหารเลี้ยงต้นได้อย่างอุดมจึงเกิดผลร้อยเท่าบ้างหกสิบเท่าบ้างสามสิบเท่าบ้าง…เช่นเดียวกับที่หลายๆคนเมื่อฟังพระวาจาแล้วก็เข้าใจเห็นประโยชน์และนำเอาไปปฏิบัตินำเอาไปใช้ในชีวิตอันทำให้ชีวิตทางจิตใจของพวกเขาบังเกิดผลอย่างมากมาย
พระเจ้ายังคงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาของพระองค์ลงไปในหัวใจของพวกเราแม้พระองค์จะทรงรู้ดีว่าเมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาที่พระองค์ได้ทรงหว่านลงไปนั้นจำนวนมากจะไม่บังเกิดผลเพราะนกมาจิกกินบ้างหรือไปตกลงบนพื้นหินที่มีดินน้อยหรือไปตกลงในพงหนามก็ตาม
ในธรรมชาติเมล็ดพันธุ์มีช่วงเวลาของการหว่านและการเติบโตแต่เพียงช่วงสั้นๆของขวบปีเท่านั้นแต่ว่าไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับเมล็ดพันธุ์ซึ่งเป็นพระวาจาของพระเจ้าเพราะการเจริญเติบโตของพระวาจาของพระเจ้าสามารถเป็นไปได้ในทุกๆช่วงเวลาแห่งชีวิตของผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าอย่างตั้งใจและอย่างใส่ใจและนำไปใช้ในชีวิตของตน
เมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาของพระเจ้าเมื่อได้ถูกหยอดลงไปในหัวใจของมนุษย์แล้วก็จะไม่มีวันตายหายจากไปรวมทั้งไม่มีวันที่จะช้าหรือสายเกินไปที่จะฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำเอาไปปฏิบัติเอาไปใช้ในชีวิตของแต่ละคน
พระวาจาของพระเจ้าเริ่มมีชีวิต และเจริญเติบโตเกิดดอกออกผล
ก็ต่อเมื่อเราฟังแล้วนำเอาไปปฏิบัติ นำเอาไปเป็นชีวิตของเรา
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์