ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา ปี A
มธ16: 13-20…พระองค์คือพระคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้าทรงชีวิต…ท่านคือศิลาและบนศิลานี้เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา…และเราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้…
พระคริสตเจ้าได้ทรงเลือกนักบุญเปโตรให้เป็นหัวหน้าผู้เลี้ยงแกะเป็นนายชุมพาของฝูงแกะของพระองค์…แม้ว่านักบุญเปโตรจะเต็มเปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อนแต่ท่านก็มีความอ่อนแอเฉกเช่นคนอื่นๆเหมือนกัน…เช่นเดียวกันเราเองก็มีความอ่อนแอเมื่อความอ่อนแอต่างๆเหล่านั้นทำให้เราต้องล้มลงพระคริสตเจ้าก็ทรงให้อภัยเราและจะช่วยพยุงเราให้ลุกขึ้นให้เดินหน้าต่อไป
ข้อคิด…เรื่องเล่าของพระวรสารในวันนี้แสดงให้เราเห็นว่าการเป็นประมุขของนักบุญเปโตรมิได้เป็นอะไรบางอย่างที่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาจากพระศาสนจักรในช่วงเวลาต่อมาเรื่องเล่าที่ว่านี้จะต้องย้อนกลับไปณจุดเริ่มต้นเลยทีเดียวคือกลับไปถึงพระประสงค์ขององค์พระเยซูเจ้า
นักบุญเปโตรเป็นบุคคลหนึ่งที่มีลักษณะนิสัยที่น่าสนใจอย่างยิ่งท่านหนึ่งในพระวรสารแน่นอนท่านมีลักษณะและคุณสมบัติของความเป็นผู้นำแต่ว่าในขณะเดียวกันท่านก็มีความอ่อนแอเฉกเช่นคนอื่นๆเหมือนกันในพระวรสารเราได้แลเห็นท่านมีขึ้นมีลงบางครั้งท่านก็มีความกล้าหาญมากบางครั้งก็เป็นคนที่ขี้ขลาดกลัวมากเช่นกัน…พูดง่ายๆก็คือท่านก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนกับคนอื่นๆทั้งหลายนั่นเองท่านมิใช่เป็นนักบุญตั้งแต่เกิดหรือเป็นบุคคลในอุดมการณ์ที่จะมาเป็นประมุขของพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าในภายหลัง
แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆที่จะให้เราช่วยกันมองดูว่าพระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติต่อนักบุญเปโตรอย่างไรพระองค์จะทรงช่วยให้ท่านได้เติบโตจนกระทั่งสามารถยอมพลีชีวิตเพื่อพระองค์ซึ่งในที่สุดก็ได้ผลเช่นนั้นจริงๆการเจริญเติบโตดังกล่าวนี้เป็นขบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปและอย่างต่อเนื่องซึ่งบางครั้งก็มีเดินหน้าบ้างถอยหลังบ้าง
การมีชีวิตอยู่ก็คือการเปลี่ยนแปลงและการเป็นผู้ครบครันบริบูรณ์คือการรู้จักเปลี่ยนแปลงเมื่อจำเป็น
ให้เราช่วยกันมองดูอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูเจ้ากับนักบุญเปโตรซึ่งจะเป็นการช่วยให้เราได้เจริญเติบโตในฐานะที่เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งและในฐานะที่เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าเหมือนอย่างท่านทั้งยังเป็นการแสดงให้เราได้เห็นอีกด้วยว่าเราจะสามารถช่วยคนที่เรารักให้เจริญเติบโตได้อย่างไรอีกด้วยแม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องต่างๆนาๆ
จุดเริ่มต้นของการพัฒนาและเจริญเติบโตนี้ก็อยู่ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเรียกนักบุญเปโตรแน่นอนพระเยซูเจ้าต้องแลเห็นศักยภาพที่มีอยู่ในตัวท่านเราทุกคนต่างก็ต้องการให้คนอื่นได้มีความเชื่อมั่นในตัวเราเป็นเรื่องยากที่จะมีความเชื่อมั่นในตัวตนเองถ้าหากว่าคนอื่นยังไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเรา
นักบุญเปโตรคงไม่ได้คิดว่าท่านสมควรให้พระเยซูเจ้าเรียกและเลือกท่านท่านได้พูดกับพระองค์ว่า“พระเจ้าข้าโปรดถอยห่างไปจากข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” พระเยซูเจ้าเองก็มิได้ปฏิเสธว่านักบุญเปโตรเป็นคนบาปแต่พระองค์ได้ทรงท้าทายท่านให้ได้พัฒนาและเจริญเติบโตเราทุกคนต่างก็อยากถูกท้าทายการที่ไม่ได้ถูกท้าทายอะไรเลยก็คือการถูกลงโทษให้อับเฉาเหี่ยวแห้งตายไป
พระเยซูเจ้าได้ทรงเชื้อเชิญนักบุญเปโตรให้ร่วมมือทำงานกับพระองค์พระองค์ได้ทรงทำให้ท่านเป็นหุ้นส่วนกับพระองค์มิใช่เป็นเพียงแต่นักการคอยรับใช้ให้ไปทำโน่นทำนี่…ความรับผิดชอบช่วยให้คนเรารู้จักโต
พระเยซูเจ้าได้ทรงถามนักบุญเปโตรถึงความซื่อสัตย์ที่ท่านมีต่อพระองค์เมื่อคนจำนวนมากกำลังจะละทิ้งพระองค์ไปพระองค์ได้ทรงหันไปหาท่านพลางกล่าวว่า“แล้วท่านจะไม่ไปกับพวกเขาด้วยหรือ?” นี่เป็นการกดดันให้นักบุญเปโตรต้องหันกลับมามองดูตัวตนเองและท่านจำเป็นที่จะต้องยืนอยู่บนขาของตัวเองแล้วและนี่แหละที่จะช่วยให้มีการเติบโตในตัวท่าน
เมื่อนักบุญเปโตรได้ทำการยืนยันความเชื่อครั้งยิ่งใหญ่ของตนว่า“พระองค์คือองค์พระคริสต์โอรสพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าได้ทรงชมท่านและได้ทรงสัญญาที่จะให้ท่านมีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นเราทุกคนต่างก็มีความต้องการที่จะให้การทำงานของเราได้รับการรับรู้การสนับสนุนและการยืนยันเห็นดีด้วยและนี่ก็จะเป็นอะไรที่ทำให้เราทุ่มเทพลังของเรามากยิ่งขึ้น
พระเยซูเจ้ามิได้ลังเลที่จะทรงตำหนินักบุญเปโตรเมื่อท่านได้ชักดาบของท่านออกมาในสวนเก็ธเสมานีพลางบอกกับท่านว่า“เก็บดาบใส่ฝักเสีย” นี่เป็นการเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองซึ่งจะเป็นส่วนที่สำคัญมากๆสำหรับการเจริญเติบโต
และอีกครั้งหนึ่งที่นักบุญเปโตรต้องการขัดขวางมิให้พระเยซูเจ้าเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มพระองค์ก็ได้ทรงว่ากล่าวท่านว่า“ไปให้พ้นไอ้เจ้าซาตานเจ้าเป็นอุปสรรคสำหรับเรามากกว่าที่จะเป็นความช่วยเหลือ”นี่ก็เป็นการว่ากล่าวอีกแบบหนึ่งของพระเยซูเจ้า
หรือการว่ากล่าวอย่างน้อยอกน้อยใจของพระเยซูเจ้าที่มีต่อนักบุญเปโตรและเพื่อนอัครสาวกอีกสองท่านว่า“พวกท่านไม่สามารถที่จะอยู่ตื่นเฝ้ากับเราเพียงหนึ่งชั่วโมงก็มิได้หรือ?” เป็นสิ่งที่ไม่ควรปล่อยให้ใครบางคนที่จะไม่ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนผู้ร่วมงาน
บางครั้งพระเยซูเจ้าถึงกับขู่นักบุญเปโตรว่าจะไม่ให้ท่านมีส่วนในพระอาณาจักรของพระองค์เมื่อท่านไม่ยอมให้พระองค์ทรงล้างเท้าท่าน
พระเยซูเจ้าได้ทรงเข้าใจว่าเมื่อนักบุญเปโตรได้ปฏิเสธพระองค์ท่านได้ทำไปเพราะความอ่อแอมากกว่าการมีเจตนาที่ไม่ดีพระองค์ได้ทรงยกโทษให้ท่านและได้ให้โอกาสท่านในอันที่จะตั้งต้นเสียใหม่เราทุกคนต่างก็ต้องการให้มีใครบางคนที่สามารถเข้าใจความอ่อนแอของเราและไม่ต้องการให้ลบชื่อเราออกเมื่อเราทำอะไรที่ผิดพลาดไป
พระเยซูเจ้าไม่เคยทำให้นักบุญเปโตรสูญเสียความเชื่อมั่นในพระองค์และในตัวเองเพราะนั่นอาจจะทำให้ท่านไม่มีโอกาสเจริญเติบโต
เส้นเชือกที่ช่วยสานความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูเจ้ากับนักบุญเปโตรก็คือความรักท่านเองก็ทราบดีว่าพระเยซูเจ้าทรงรักท่านมาก…ความรักเป็นบรรยากาศที่จะช่วยเสริมสร้างให้คนเราได้เจริญเติบโตและนี่แหละที่เป็นศิลาในชีวิตของนักบุญเปโตร
เราสามารถจินตนาการได้ว่านักบุญเปโตรได้ทำตัวให้เป็นผู้นำที่ดีการเป็นผู้นำที่ดีต้องมีจิตสำนึกถึงความอ่อนแอของตน…ประสบการณ์ที่ท่านได้ปฏิเสธพระเยซูเจ้าได้ช่วยขจัดความจองหองและความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปและในเวลาเดียวกันก็ได้ช่วยให้ท่านสามารถที่จะเข้าใจถึงความอ่อนแอของผู้อื่นอีกด้วย
เรื่องราวของนักบุญเปโตรก็เป็นเรื่องราวแห่งชีวิตของเราแต่ละคนด้วยตัวเราก็มีหนาวมีร้อนมีดีมีชั่วมีเข้มแข็งและอ่อนแอเคล้าคละกันไปเป็นช่วงๆในชีวิตของแต่ละคนถ้าหากว่าเราไม่มีความสัมพันธ์อย่างอบอุ่นกับองค์พระคริสตเจ้าแล้วไซร้เราก็คงสามารถเป็นคริสตชนเป็นศิษย์ขององค์พระเยซูเจ้าเพียงแต่ด้วยชื่อเท่านั้น
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์