ข้อคิดอาทิตย์ที่ 32เทศกาลธรรมดา ปี A
มธ25: 1-13…เจ้าบ่าวมาแล้วจงออกไปต้อนรับกันเถิด…
คริสตชนทุกคนเปรียบเสมือนคนถือตะเกียงที่ส่องแสงสว่างของพระคริสตเจ้าส่องสว่างให้กับโลกที่มืดมนแต่ว่าบ่อยๆครั้งเราก็คงเหมือนกับหญิงโง่ในพระวรสารวันนี้ที่ปล่อยให้แสงสว่างอันสุดประเสริฐของพระเยซูเจ้านี้ต้องริบหรี่ลงหรือบางทีก็ดับมอดไปเลยในชีวิตของเรา
ข้อคิด…บทอ่านแรกจากหนังสือปรีชาญาณ(ปชญ6: 12-16) เป็นการชื่นชมปรีชาญาณซึ่งในวันนี้ได้ถ่ายทอดลงไปในบุคคลของหญิงฉลาดทั้งห้าคนในพระวรสาร…ในขณะที่นักบุญเปาโลกำลังรอคอยการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งขององค์พระคริสต์ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าส่วนนักบุญมัทธิวในพระวรสารก็ยอมรับว่าการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้านั้นอาจจะต้องล่าช้าไปเพราะเป้าหมายของเรื่องอุปมานี้อยู่ที่บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าซึ่งไม่รู้วันหรือเวลาของการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังนั้นพวกเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อว่าเมื่อพระองค์จะเสด็จมาพวกเขาจะได้สามารถเข้าสู่พระอาณาจักรพระเจ้าพร้อมกับพระองค์
การเตรียมตัวให้พร้อมหมายถึงการเป็นผู้ปฏิบัติมากกว่าที่จะเป็นเพียงผู้ฟังพระวาจาเท่านั้น
คงจะเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมากสักเพียงใดเมื่อมาถึงที่หน้าประตูสวรรค์เคาะประตูเพื่อที่จะเข้าไป…พระเยซูเจ้าเดินออกมาแล้วทรงตรัสกับเราว่า“เราไม่รู้จักท่าน” แล้วนั้นเราก็จะพบว่าตัวเรากำลังอยู่ข้างนอกคนเดียวในความืดขณะที่ข้างในเต็มไปด้วยแสงสีทุกคนต่างสนุกสนานรื่นเริงด้วยการเฉลิมฉลอง
พระวรสารพูดถึงเรื่องของตะเกียงซึ่งหมายถึงอะไรกันแน่?…แน่นอนจะต้องหมายถึงตะเกียงแห่งความรัก…และตะเกียงลุกไหม้ได้อย่างไร?…ตะเกียงลุกไหม้ได้ด้วยหยดน้ำมันเล็กๆที่ป้อนเข้าไปในตะเกียงแต่ถ้าเมื่อหยุดป้อนน้ำมันแล้วตะเกียงก็จะดับ
หยดน้ำมันเล็กๆเหล่านี้ที่ป้อนเข้าไปในตะเกียงหมายถึงอะไร?
หยดน้ำมันเล็กๆเหล่านี้เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนเช่นความซื่อสัตย์ในหน้าที่การตรงต่อเวลาคำพูดที่ให้กำลังใจการคิดถึงคนอื่นช่วยเหลือคนอื่นการรู้จักนิ่งเงียบฯลฯสิ่งเล็กๆน้อยๆต่างๆเหล่านี้เป็นหยดน้ำมันแห่งความรักที่ทำให้ชีวิตทางศาสนาของเราลุกไหม้เหมือนกับเปลวไฟตะเกียง
พระเยซูเจ้าได้ทรงแบ่งปันชีวิตของพระองค์ให้กับชีวิตของเรา…แบ่งปันความโดดเดี่ยวของเราแบ่งปันความทุกข์โศกของเรา และแบ่งปันความตายของเราพระองค์มิได้อยู่ห่างไกลจากเราเลยพระองค์ทรงอยู่ใกล้ๆเรา…เราสามารถสัมผัสรับใช้และรักพระองค์ได้ทุกๆวันในชีวิตของเราด้วยน้ำมันแห่งการสวดภาวนาและด้วยกิจการดีต่างๆตลอดชีวิตของเรา
เนื่องจากว่าเราไม่สามารถหยั่งรู้วันเวลาที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จมาเราจึงต้องเตรียมตัวของเราให้พร้อมเพื่อว่าเมื่พระองค์เสด็จมาเราก็จะสามารถเข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์
สิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ทรงตรัสกับเราในเรื่องอุปมานี้พระองค์ทรงต้องการเตือนเราให้รู้จักตื่นเฝ้าอยู่เสมอๆการเตือนเรานี้ของพระองค์เป็นเครื่องหมายแห่งความรักที่พระองค์ทรงมีต่อเราการเตือนนี้ต้องการจะบอกเราว่าทุกๆขณะแห่งชีวิตของเรามีมูลค่าเท่ากับชีวิตนิรันดรดังนั้นเราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับการมาถึงของเจ้าบ่าวคือองค์พระเยซูคริสตเจ้าพลางคอยฟังเสียงของพระผู้เป็นที่รัก
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์