ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 1 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B
มก13: 33-37; 1คร1: 3-9…จงตื่นเฝ้าเถิดเพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร…และในขณะที่รอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเป็นช่วงเวลาของการตื่นเฝ้าระวังเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสตเจ้าองค์พระตุลาการสูงสุดณวันสิ้นโลกและเรายังคอยการเสด็จมาของพระองค์ณเวลาที่เราจะต้องลาจากโลกนี้อีกด้วยเนื่องจากว่าทั้งสองช่วงเวลานี้ได้ถูกปิดบังไว้สำหรับพวกเราเราจึงต้องอยู่ในสภาพของการเตรียมตัวให้พร้อมและด้วยการตื่นเฝ้าอยู่เสมอเพื่อพร้อมที่จะพบกับพระองค์ณเวลาใดก็ได้
ข้อคิด…เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเป็นการเตรียมตัวเตรียมจิตใจพวกเราสำหรับการสมโภชพระคริสตสมภพและเพื่อจะช่วยเราให้ได้เข้าใจข่าวดีของวันพระคริสตสมภพเราต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นของพระคริสตสมภพนี้คือเริ่มจากประวัติศาสตร์ของการช่วยให้รอดพ้นตั้งแต่การสร้างโลกเลยทีเดียวดังนั้นพิธีกรรมของการเตรียมสมโภชพระคริสตสมภพจะเป็นการทำให้ประวัติศาสตร์ของการช่วยให้รอดพ้นได้รับการฟื้นฟูให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งทุกๆปีโดยการมองพระคริสตสมภพนี้ผ่านทางความเชื่อของคริสตชนซึ่งจะทำให้แลเห็นว่าข่าวดีของประวัติศาสตร์แห่งการช่วยให้รอดพ้นนี้ จะนำเราไปสู่องค์พระเยซูคริสตเจ้าเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ที่ได้ทำให้บรรดาคำทำนายต่างๆถึงพระแมสสิยาห์ในพระธรรมเก่าได้สำเร็จไป
พระวาจาของพระเจ้าในวันอาทิตย์นี้ จากบทอ่านที่หนึ่งของท่านประกาศกอิสยาห์(อสย63: 16-17; 64: 1. 3-8) ได้พูดถึงพระเจ้าซึ่งกำลังจะเสด็จมาช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้นอันเป็นการรำลึกถึงความดีที่พระเจ้าได้ทรงกระทำให้กับประชากรของพระองค์ในอดีตอีกทั้งเป็นการยอมรับถึงความอกตัญญูและความบาปของประชากรของพระองค์
ส่วนจากบทอ่านที่สอง(1 คร1: 3-9) และพระวรสาร(มก13: 33-37) ก็ได้พูดถึงการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสตเจ้าซึ่งเป็นอะไรบางอย่างที่คริสตชนในยุคแรกๆเชื่อว่าพระองค์กำลังจะเสด็จกลับมาในเร็วๆนี้…สำหรับบรรดาสัตบุรุษการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งขององค์พระบุตรพระเจ้านี้มิใช่เป็นอะไรที่พวกเขาจะต้องกลัวพวกเขาได้รับการปลุกเร้าให้เจริญชีวิตอย่างกับที่พวกเขาพร้อมอยู่แล้วที่จะพบกับพระองค์และในวันนี้ก็เช่นเดียวกันที่เราจะได้ยินได้ฟังคำพูดที่ปลุกเร้าจิตใจของเราเหล่านั้นในพระวาจาของพระเจ้า
พระวรสารในวันนี้พระเยซูเจ้าได้ทรงปลุกเร้าบรรดาอัครสาวกของพระองค์ด้วยถ้อยคำที่ว่า“จงตื่นเฝ้า” ถึงสามครั้งด้วยกันเสียงเรียก“จงตื่นเฝ้า” เป็นคำเตือนสอนอย่างหวังดีสำหรับพวกเราในวันนี้ด้วยและเป็นคำเรียกร้องที่เหมาะมากๆสำหรับการเริ่มปีปฏิทินพิธีกรรมของพระศาสนจักรด้วย
เรามนุษย์ส่วนใหญ่เป็นสิ่งสร้างที่ยังยึดติดอยู่กับนิสัยเดิมๆของตนมีคนพูดกันว่าในครึ่งหลังของชีวิตของเรามนุษย์เรามักจะเจริญชีวิตอยู่กับนิสัยที่เราเคยได้ปลูกฝังไว้ในช่วงระหว่างครึ่งแรกของชีวิตของเรานั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่ได้ปลูกฝังแต่นิสัยที่ดีๆเอาไว้แต่ว่าอาจจะเป็นโชคร้ายสำหรับคนที่เพาะแต่นิสัยที่ไม่ดี
อย่างไรก็ตามก็มีด้านบวกสำหรับเรื่องของนิสัยการสร้างพฤติกรรมที่ซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิ่งที่จำเป็นแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากและจำเป็นที่จะต้องมีวินัยตนเองในการสร้างนิสัยที่ดีก็ตามบรรดานักกีฬาก็ได้แสดงให้เห็นว่าการย้ำพฤติกรรมที่ดีอย่างสม่ำเสมอย่อมจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและนั่นแหละเป็นทักษะที่สามารถถูกกำกับได้และสามารถช่วยให้เขาฟันฝ่าช่วงเวลาที่เลวร้ายได้
แต่ว่าในเวลาเดียวกันนิสัยที่ไม่ดีก็สามารถก่อให้เกิดอะไรต่างๆในด้านลบได้ด้วยเหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยที่ทำอะไรต่างๆประจำวันอย่างเครื่องจักรโดยไร้จิตวิญญาณไม่ได้ใส่หัวใจลงไปในการกระทำของตนเองนอกจากนั้นนิสัยที่ไม่ดีสามารถเป็นอะไรที่เห็นแก่ตัวและยากแก่การที่จะเอาชนะได้
การพูดถึงเรื่องนิสัยของคนเราซึ่งเป็นการแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ทำอย่างซ้ำๆซากๆนั้นก็เป็นจุดประสงค์หนึ่งของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าด้วยเป็นการปลุกเราให้ตื่นขึ้นจากนิสัยเดิมๆที่เย็นชาของเราเป็นการให้โอกาสเราที่จะเริ่มต้นใหม่อย่างมีใจร้อนรนมากยิ่งขึ้นในการเตรียมสมโภชพระคริสตสมภพ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราเป็นประจำทุกๆวันก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกันในชีวิตคริสตชนของเราแต่ละคนเราแม้มีส่วนร่วมในพิธีกรรมต่างๆแต่ก็ได้สูญเสียความสดใหม่และความหมายของพิธีกรรมนั้นๆถ้าหากว่าเราไม่ได้ใส่ใจในการฟังพระวาจาปล่อยให้เข้าหูขวาแล้วทะลุออกหูซ้ายพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าได้หายไปจากบนใบหน้าของเพื่อนพี่น้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อยู่บ้านเดียวกับเราและอยู่ในที่ทำงานด้วยกัน
ดังนั้นเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าจึงส่งเสียงก้องกังวานในหูของเราว่า“จงตื่นเฝ้า” อันเป็นโอกาสที่เราจะต้องทำการปัดฝุ่นนิสัยเก่าๆที่ไม่ดีของเราทิ้งเสียและยอมปล่อยให้พระคริสต์เข้ามามีชีวิตในชีวิตของเราแต่ละคนอีกครั้งหนึ่ง
องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะเสด็จมาพระองค์จะมาหาเราแต่ละคนเวลาที่เราจะจบชีวิตของเราบนโลกใบนี้และจะเสด็จมาพิพากษาในวันสิ้นโลกเราจะไม่รู้วันเวลาของการเสด็จมาของพระองค์…เวลาใดไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ไม่ดีสำหรับคนรับใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์และเวลาใดไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ดีสำหรับคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์…คนรับใช้ที่ซื่อสัตย์จะไม่กลัวการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาจะต้อนรับพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดี
เราต้องเตรียมตัวตนของเราให้พร้อม…อย่างไร? อย่างมีชีวิตชีวา อย่างเตรียมพร้อมอยู่เสมอ และอย่างรับผิดชอบต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนพี่น้อง
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์