ข้อคิดอาทิตย์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา ปี B
มก1: 29-39…พระเยซูเจ้าทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่างๆให้หายทรงขับไล่ปีศาจออกไป…พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น
ทุกๆวันพวกเราส่วนใหญ่ก็มักจะมีงานมีธุระยุ่งเกือบตลอดทั้งวันและผลลัพธ์ก็คือชีวิตทางจิตวิญญาณของเราก็ดูจะด้อยลงและน่าสงสารมากขึ้นดังนั้นพระวรสารของวันนี้จึงแสดงให้เราเห็นว่าท่ามกลางธุระการงานต่างๆพระเยซูเจ้าเองก็ยังหาเวลาอธิษฐานภาวนาเช่นเดียวกันพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณของพวกเราในขณะนี้และการอธิษฐานภาวนาในบางขณะของวันก็จะช่วยเราให้ได้มีโอกาสมีเวลาที่จะอยู่กับพระเจ้า…
ข้อคิด…ในบทอ่านที่หนึ่งมหาบุรุษโยบเผชิญหน้ากับปัญหาของความทุกข์ทรมานคำอธิบายง่ายๆโดยทั่วๆไปในเรื่องนี้ก็คือว่าความทุกข์ทรมานมาจากการลงโทษของพระเจ้าสำหรับบาปที่เรามนุษย์ได้กระทำแม้ว่าโยบจะเป็นคนดีแต่เขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากมายการทนทุกข์ทรมานของโยบได้ทำให้เขามีทัศนะที่น่าหดหู่เศร้าสร้อยเกี่ยวกับชีวิตของเรามนุษย์
ส่วนในพระวรสาร(มก1: 29-39) การรักษามารดาของภรรยานักบุญเปโตรและคนป่วยอื่นๆให้หายและการขับไล่ปีศาจออกไปก็มิใช่เป็นคำตอบของพระเยซูเจ้าสำหรับคำถามที่ว่า“ทำไมเรามนุษย์ถึงต้องทนทุกข์ทรมาน?” แต่เมื่อมนุษย์มีความทุกข์ทรมานพระเยซูเจ้าก็ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากความทุกข์ทรมานพลางประกาศข่าวดีแห่งการช่วยให้รอดพ้น…นี่เป็นคำตอบด้วยการกระทำของพระองค์พระวรสารยังแสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนที่พระองค์จำเป็นต้องอุทิศตนให้กับการเทศน์สอนข่าวดีของพระเจ้าซึ่งเราสามารถเห็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดีในบทอ่านที่สองอันเป็นจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์(1 คร9: 16-19, 22-23)…ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคนเพื่อข้าพเจ้าจะได้ใช้ทุกวิถีทางช่วยบางคนให้รอดพ้นข้าพเจ้าทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดี…
ในท่ามกลางกิจกรรมต่างๆพระเยซูเจ้าก็ยังหาเวลา(ว่าง)สำหรับการอธิษฐานภาวนาในสถานที่เงียบๆ…เป็นช่วงเวลาเช่นนี้แหละที่พระองค์ยังคงรักษาและบำรุงเลี้ยงสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพระองค์คือความสัมพันธ์ของพระองค์กับพระบิดาเจ้าและนี่แหละที่เป็นความลับแห่งความสำเร็จของงานบริการของพระองค์
ปัญหาหรือคำถามเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานของเรามนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งของผู้ชอบธรรมซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในยุคของพระธรรมเก่าและนี่แหละเป็นปัญหาที่โยบกำลังเผชิญและต่อสู้ดิ้นรนอยู่
การทนทุกข์ทรมานก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ของมนุษยชาติมีคนจำนวนไม่น้อยในทุกวันนี้ที่สามารถเปรียบตัวเองเหมือนโยบให้เราลองคิดดูหรือจินตนาการดูคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความยากจนจากความหิวกระหายจากการป่วยเป็นโรคต่างๆจากความอยุติธรรมจากการถูกกดขี่จากโศกนาฏกรรมฯลฯ…ในยุคสมัยของพระธรรมเก่าการทนทุกข์ทรมานถูกมองว่าเป็นการทำโทษของพระเจ้าเพราะบาป
อะไรคือคำตอบของพระเยซูเจ้าต่อปัญหาเรื่องการทนทุกข์ทรมาน?…พระเยซูเจ้าไม่ได้ยอมรับทัศนะที่ว่าการทนทุกข์ทรมานเป็นการทำโทษจากพระเจ้าเพราะพระเจ้าจะทำชั่วหรือทำสิ่งเลวร้ายไม่ได้สิ่งที่เราเห็นในพระวรสารก็มิใช่เป็นคำตอบทีเดียวต่อปัญหาที่ว่า“ทำไมมนุษย์เราถึงต้องทนทุกข์ทรมาน?”
อย่างไรก็ตามคำตอบของพระเยซูเจ้าเป็นคำตอบของการกระทำหรือการปฏิบัติดังที่เราเห็นในพระวรสารของวันนี้ในคำบอกเล่าของพระวรสารเราเห็นพระเยซูเจ้าถูกห้อมล้อมด้วยฝูงชนที่ป่วยเป็นโรคทั้งทางกายและจิตใจพระองค์ทรงอุทิศตนเองให้กับพวกเขาทีละคนและทรงรักษาพวกเขาให้หายทีละคนพระองค์มิได้แยกตัวเองออกจากความเจ็บปวดของมนุษยชาติพระองค์ได้ทรงทำพระองค์เองให้รับความรู้สึกเจ็บปวดต่อหน้าคนที่มีบาดแผลและป่วยเป็นโรคไม่สบายดังที่ได้มีคำพยากรณ์ไว้ในหนังสือของท่านประกาศกอิสยาห์ว่า…ผู้รับใช้ของพระเจ้าแบกความทุกข์ทรมานของเราท่านรับความเจ็บปวดของเราไว้ท่านยอมตายยอมให้ถือเหมือนคนบาป…(อสย53: 4. 12)
ปัญหาของการทนทุกข์ทรมานจึงได้เป็นโอกาสสำหรับพระเยซูเจ้าเป็นโอกาสที่จะแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าเป็นพระบุคคลแบบไหนโดยการที่พระองค์อุทิศพระองค์เองให้กับคนเจ็บป่วยพระองค์ก็ได้เผยให้เราได้ทราบถึงพระทัยเมตตาสงสารของพระเจ้าบนใบหน้าของการทนทุกข์ทรมานของมนุษย์
การทนทุกข์ทรมานของผู้อื่นให้โอกาสแก่พวกเราด้วยแม้นเราอาจจะไม่สามารถที่จะรักษาเขาให้หายได้แต่เราสามารถให้ความเอาใจใส่เขาได้ให้ความบรรเทาใจเขาได้
เราอาจจะมาหาผู้ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยมือเปล่าไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาแต่เราก็สามารถทำอะไรให้กับเขาได้บ้างมิใช่หรือ?
เราสามารถใช้มือที่ว่างเปล่าของเราสำหรับบรรเทาใจเขาสิ่งที่เขาร้องขอจากเราก็คืออย่าให้เราได้ละทิ้งเขาให้อยู่กับเขาดังเช่นที่พระนางมารีย์ยืนอยู่ที่เชิงกางเขนของพระเยซูเจ้าสิ่งหนึ่งที่ผู้ทนทุกข์ทรมานต้องการก็คือการได้รับความอบอุ่นจากเพื่อนพี่น้องของเขา
เมื่อเหลียวมามองดูการทนทุกข์ทรมานของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของความเป็นมนุษย์และพระเยซูเจ้าเองก็ได้เดินไปจนถึงที่สุดบนหนทางแห่งการทนทุกข์ทรมานพระองค์ได้แสดงให้เราได้เห็นว่าหนทางนั้นแม้จะนำไปสู่เขากัลวารีโอด้วยการสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขนซึ่งก็มิได้สิ้นสุดที่นั่นแต่จะไปสิ้นสุดเอาที่“ปัสกา”พร้อมๆกับการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพอย่างรุ่งโรจน์ของพระองค์…
ดังนั้นสำหรับบรรดาคริสตชน
การทนทุกข์ทรมานได้กลายเป็นโอกาส
ที่จะทำให้เรามีส่วนร่วม
ในพระมหาทรมานของพระคริสตเจ้า
โดยมีความหวังที่จะมีส่วนร่วม
ในชัยชนะแห่งการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพ
ของพระองค์ในวันสุดท้ายด้วย
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์