บทอ่านจากบทความเรื่องพระตรีเอกภาพ โดยเฟาสตีนูส ลูซีเฟรานุส พระสงฆ์
พระคริสตเจ้าทรงเป็นทั้งกษัตริย์และสงฆ์ตลอดนิรันดร
พระกายของพระผู้ไถ่ของเราได้ทรงถูกเจิม พระองค์จึงทรงกลับเป็นกษัตริย์แท้และสงฆ์แท้ พระองค์เองทรงเป็นทั้งกษัตริย์และสงฆ์ ในพระผู้ไถ่จะขาดอะไรไปไม่ได้ จงฟังพระวาจาของพระองค์เองที่ตรัสว่า “พระเป็นเจ้าได้ทรงแต่งตั้งข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ บนศิโยนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์” จงฟังพระวาจาของพระบิดาว่าพระองค์เป็นสงฆ์ “ท่านเป็นสงฆ์ตลอดนิรันดร์ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค” อาโรนเป็นคนแรก ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นสงฆ์ตามกฎแห่งพระธรรม เพราะท่านได้ถูกเจิมด้วยน้ำมันคริสมา แต่พระบิดาก็มิได้ตรัสว่า “ตามแบบอาโรน” เพื่อมิให้เชื่อได้ว่าสังฆภาพของพระผู้ไถ่จะตกทอดมาเป็นมรดก เพราะว่าในสมัยนั้น สังฆภาพของอาโรนได้ตกทอดมาทางสายโลหิต แต่สังฆภาพของพระผู้ไถ่ มิใช่เป็นมรดกตกทอดมา เพราะพระองค์จะคงเป็นสงฆ์ตลอดกาล ด้วยเหตุนี้ พระคัมภีร์จึงกล่าวว่า “ท่านเป็นสงฆ์ตลอดนิรันดร์ ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค”
ดังนั้น พระผู้ไถ่ในสภาพเป็นมนุษย์ ทรงเป็นทั้งกษัตริย์และสงฆ์ แม้ว่าการเจิมของพระองค์ จะมิใช่ฝ่ายกายแต่เป็นฝ่ายจิต ในท่ามกลางชาวอิสราเอล บรรดากษัตริย์และสงฆ์ผู้ได้รับการเจิมด้วยน้ำมัน ก็เป็นกษัตริย์หรือสงฆ์ แต่ไม่มีใครจะเป็นได้ทั้งกษัตริย์และสงฆ์ มีแต่พระคริสตเจ้าเท่านั้น ซึ่งทรงเป็นทั้งกษัตริย์และสงฆ์ เพราะพระองค์ได้เสด็จมา เพื่อให้พระธรรมบัญญัติสำเร็จบริบูรณ์ พระองค์แต่ผู้เดียวทรงความเพียบพร้อม ทั้งศักดิ์สงฆ์และกษัตริย์
ผู้ที่ได้ถูกเจิมด้วยน้ำมันให้เป็นกษัตริย์หรือสงฆ์ แม้ว่าเขาจะได้รับการเจิมแต่ประเภทเดียว เขาก็ได้ชื่อว่า “เมสสิยาห์” อย่างไรก็ดี พระคริสตเจ้าพระผู้ไถ่ของเราได้ทรงถูกเจิมโดยพระจิตเจ้า ดังนั้น ข้อความในพระคัมภีร์จึงเป็นอันสำเร็จบริบรณ์ “พระเจ้า พระเป็นเจ้าของท่าน ได้ทรงเจิมท่านด้วยน้ำมันแห่งความยินดี และได้เชิดชูท่านขึ้นเหนือบรรดาเพื่อนของท่าน” ฉะนั้น ความแตกต่างระหว่างพระคริสตเจ้าและหลายๆ ท่าน ที่ได้รับการเจิมอยู่ที่ว่า พระคริสตเจ้าได้ถูกเจิมด้วยน้ำมันแห่งความยินดี ซึ่งหมายถึงพระจิตเจ้านั่นเอง
เราทราบว่าการนี้เป็นจริงจากพระผู้ไถ่เอง เมื่อพระองค์ทรงหยิบหนังสือของประกาศกอิสยาห์ ทรงเปิดออกและทรงอ่าน “พระจิตของพระเจ้าสถิตเหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ได้ทรงเจิมข้าพเจ้า” พระองค์จึงตรัสว่า คำทำนายนี้สำเร็จบริบูรณ์ต่อหน้าผู้ที่กำลังฟังอยู่
นักบุญเปโตร ผู้เป็นประมุขของบรรดาอัครสาวกก็ได้สอนว่า น้ำมันคริสมาซึ่งทำให้พระผู้ไถ่ เป็นพระคริสตเจ้านั้นคือองค์พระจิตเจ้า ซึ่งหมายความว่า ฤทธานุภาพของพระเจ้าแก่บุรุษผู้เชื่อมั่นและเมตตา ท่านเปโตรยังได้กล่าวเสริมอีกว่า “หลังจากได้รับพิธีล้าง ซึ่งท่านยอห์นได้ประกาศแล้ว พระเยซูแห่งนาซาเร็ธซึ่งพระเจ้าได้ทรงเจิมด้วยฤทธิ์ของพระจิตเจ้า? ก็ทรงเริ่มจาริกไปทั่วกาลิลี ทรงกระทำการอัศจรรย์ ทรงปลดปล่อยบรรดาผู้ที่ถูกผีสิงให้เป็นอิสระ”
นักบุญเปโตรเองยังได้กล่าวถึงพระเยซูเจ้าว่า ในสภาวะมนุษย์ของพระองค์ พระองค์ได้ถูกเจิมด้วยฤทธิ์อำนาจและพระจิตเจ้า ด้วยเหตุนี้ พระเยซูเจ้าจึงกลับเป็นพระคริสตเจ้าแท้ ในสภาวะมนุษย์ของพระองค์ ด้วยการเจิมของพระจิตเจ้า พระองค์จึงทรงเป็นทั้งกษัตริย์และสงฆ์ตลอดนิรันดร
เราติดตามมาจนสุดท้าย
เรื่องมาทบทวนเรื่องราวความเชื่อ เรื่องราวความรักจากเรื่องราวโดยย่อจากหนังสือทั้ง 73 เล่มของพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม (THE OLD TESTAMENT)และพันธสัญญาใหม่ (THE NEW TESTAMENT)
ต่อจากความที่แล้วดังนี้
- ต่อจากนั้น บรรดาอัครสาวกจึงแยกย้ายกันไปเทศนาสั่งสอนตามที่ต่าง ๆ เป็นการเริ่มต้นพระศาสนจักรคาทอลิกจนถึงปัจจุบัน ระหว่างนั้นก็มีบรรดานักบุญจำนวนมากมายเช่น นักบุญเปาโลผู้ซึ่งได้รับฉายาว่า อัครสาวกของคนต่างศาสนา ซึ่งท่านทำงานเผยแพร่พระนามอย่างกว้างขวาง
- นักบุญเปโตรเป็นพระสันตะปาปาองค์แรก โดยตั้งศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรมบริเวณรัฐวาติกันในปัจจุบัน ยากอบเป็นพระสังฆราชของนครเยรูชาเลม เล่ากันว่าโทมัสไปถึงอินเดียยอห์นไปอยู่ประเทศกรีก นักบุญเปาโลเทศน์ให้คนต่างศาสนาที่ไม่ใช่ชาวยิว อัครสาวกส่วนใหญ่สิ้นใจเป็นมรณสักชีประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรมีทั้งบรรดานักบุญ ปีตาจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระสันตะปาปาพระคาร์ดินัล พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชชายหญิง นักปรัชญามากมายอย่างอุดมนำความเจริญก้าวหน้าสู่พระศาสนจักร แต่ก็มีบรรดาศัตรูและอุปสรรคมิใช่น้อย บางครั้งมีแตกแยก แต่พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าที่ได้สถาปนาขึ้นแล้วในโลก กำลังเจริญขึ้นจนเป็นต้นไม้ใหญ่ แผ่กิ่งก้านเป็นที่อาศัยของนกในอากาศดุจดังพระวาจาเรื่องอุปมาของเมล็ดผักชีนาปีสขององค์พระเยซูเจ้า
(บทความนี้เรียบเรียงโดย ป.จันทร์)
พงศ์ ประมวล,ความเชื่ออันเป็นชีวิต
สุดท้ายนี้แม้เรื่องความรู้จองพระเยซูเจ้าจะสิ้นสุด แต่ขอความเชื่อเราอย่าหยุด และสุดสิ้น”ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระองค์สอนใจของสัตบุรุษด้วยความ
สว่างของพระจิต ขอให้เราชาบซึ้งในความเที่ยงตรงด้วยพระจิตนั้น
ข้าขอฝากชีวิตของข้าพเจ้าที่ต้องเดินทางในทางโลกนี้ไว้ใน
พระหัตถ์ของพระองค์ ขอพระองค์อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าเทอญ
อาแมน”…