วันอาทิตย์ 5 ธันวาคม 2021 เตรียมรับเสด็จ 2
บทอ่านจากคำบรรยายข้อความจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ โดยนักบุญเอวเซบีโอ แห่งซีซาเรอา พระสังฆราช
เสียงร้องในถิ่นทุรกันดาร
“มีเสียงร้องในถิ่นกันดารว่า จงเตรียมทางของพระเจ้า จงตัดทางของพระองค์ให้ตรง” เป็นที่แจ้งชัดว่าเหตุการณ์ตามคำทำนายนั้นจะสำเร็จลงไม่ใช่ที่เยรูซาเล็ม แต่ในถิ่นกันดาร พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าจะปรากฏที่นั่น และมนุษยชาติจะล่วงรู้ถึงความรอดของพระเจ้า
ในถิ่นกันดารนั้น ท่านยอห์นได้ป่าวประกาศถึงการช่วยให้รอดของพระเป็นเจ้า และที่นั่นเองมนุษย์ได้เห็นความรอดของพระเป็นเจ้า คำทำนายได้สำเร็จลงเมื่อพระคริสตเจ้าพร้อมด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ปรากฏแก่มนุษย์ทุกคน เมื่อพระคริสตเจ้าทรงรับพิธีล้างแล้ว ท้องฟ้าเปิดออก พระจิตเจ้าเสด็จมาเหนือพระองค์ในรูปนกพิราบ และมีพระสุรเสียงของพระบิดาตรัสยืนยันถึงพระบุตรว่า “นี่คือบุตรสุดที่รัก ของเรา จงฟังพระองค์เถิด”
ตั้งแต่แรกเริ่ม คำทำนายบ่งบอกถึงการที่พระเจ้าจะต้องเสด็จมาในถิ่นกันดาร ซึ่งเข้าไปไม่ถึงบรรดาคนต่างศาสนาไม่มีโอกาสจะเรียนรู้จักพระเจ้า เพราะบรรดาผู้ชอบธรรมและประกาศกถูกห้ามไม่ให้เข้าไปหาพวกเขา มีเสียงสั่งให้เตรียมทางสำหรับพระวจนาตถ์ของพระเจ้า พื้นดินที่หยาบและขรุขระจงปรับให้เรียบ เพื่อว่าเมื่อพระเจ้าของเราเสด็จมาจะได้ทรงพบหนทางที่ราบเรียบ “จงเตรียมทางของพระเจ้า” หนทาง คือการเทศน์สอนถึงพระวรสาร ข่าวสารใหม่แห่งความบรรเทา พร้อมที่จะนำมนุษยชาติมารู้จักอำนาจช่วยให้รอดของพระเป็นเจ้า
“จงขึ้นไปบนภูเขาสูง ผู้ประกาศข่าวดีแก่ศิโยน จงร้องให้สุดเสียง ผู้ประกาศข่าวดีแก่เยรูซาเล็ม” ถ้อยคำเหล่านี้สอดคล้องกับความหมายของข้อความที่ได้ยกมาอ้างในตอนแรกเป็นอย่างดี อ้างถึงบรรดาผู้ประกาศข่าวดีอย่างเหมาะสม และประกาศการที่พระเจ้าเสด็จมาหามนุษย์ หลังจากที่ได้กล่าวถึงเสียงร้องในถิ่นกันดาร เป็นการเหมาะสมที่จะกล่าวถึงบรรดาผู้ประกาศข่าวดี หลังจากที่ได้กล่าวถึงการทำนายของ ยอห์น บัปติสต์
ศิโยน หมายถึงอะไร ถ้าไม่ใช่นครซึ่งแต่ก่อนนี้เรียกกันว่าเยรูซาเล็ม นี่คือภูเขาซึ่งในพระคัมภีร์กล่าวว่า “ที่ท่านบรรลุถึงนี้ คือภูเขาศิโยน” ท่านอัครสาวกกล่าวว่า “ท่านได้มาถึงภูเขาศิโยน” ถ้อยคำนี้ไม่ได้พาดพิงถึงคณะอัครสาวกซึ่งถูกเลือกมาจากประชากรเดิมที่ได้รับพิธีสุหนัตกระนั้นหรือ?
นี่คือศิโยน เยรูซาเล็มซึ่งได้รับความรอดของพระเจ้า ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาของพระเจ้า นั่นคือได้รับการเชิดชูให้สูงเด่นโดยพระวจนาตถ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงสั่งให้ขึ้นไปบนภูเขาสูง และประกาศพระวาจาแห่งความรอด ใครเล่าเป็นผู้ประกาศข่าวดี ถ้าไม่ใช่คณะผู้ประกาศพระวรสาร? การประกาศข่าวดีจะหมายถึงอะไร ถ้าไม่ใช่การเทศน์สอนถึงการบังเกิดมาในโลกของพระคริสตเจ้าแก่นานาชาติ แต่ก่อนอื่นหมดให้ประกาศในหัวเมืองยูดาห์
แบ่งปัน
สั้นๆ ง่ายๆ คือ …จงทำทางเดินของพระเจ้าให้ตรง …เป็นเรื่องน่าไตร่ตรองจริงๆ ในชีวิตของเรามีหลายๆ เรื่อง และเรื่องอะไรบ้าง ที่เรายังคดเคี้ยว เลี้ยวออกจากหนทางที่ควรจะเป็น ออกนอกเส้นทางตามความพอใจ ถึงเวลาแล้วที่อาทิตย์เราเดินทางเตรียมรับเสด็จอย่างต่อเนื่อง จากตื่นเฝ้า เฝ้าระวังที่จะโน้อมเอียงสู่การปฏิบัติที่จะต้องทำให้ตรง
มาสู่คถามว่าและเป็นอะไรที่ต้องถูกทำให้ตรงในชีวิตของเราแต่ละคน สิ่งที่ยังไม่ตรงซึ่งเห็นง่ายๆและชัดๆ พ่อขอให้เราเริ่มจากความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในบ้านเดียวกับเรา ในที่ทำงานด้วยกัน หรือในหมู่คณะเดียวกัน กับเพื่อนพี่น้อง เช่น การให้อภัย : เราไม่อยากยกโทษให้เขาและไม่อยากลืมเรื่องที่เขาทำให้เราโมโห จนเราไม่อยากเข้าใจเขา เราไม่อยากทนเขา ฯลฯ
ในสัปดาห์ที่แล้วพระวาจาเน้นย้ำเรื่องของเวลาจะมาถึงโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้เราตระหนักว่าชีวิตมนุษย์เรานั้นมันสั้น จนบางครั้งต้องเห็นโลงศพจึงหล่างน้ำตา ดังนั้นในขณะนี้ อะไรที่รู้สึกเสียใจ โมหา แล้วเรายังมีโอกาสได้พูดต่อหน้าซึ่งกันและกัน ไม่จำเป็นรอให้คนผิด หรือฝ่ายตรงข้ามเริ่มก่อน ลองใช้โอกาสนี้ เริ่มที่เรา จะได้ไม่เสียใจภายหลังว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย
อีกประเด็นนึง เมื่อเราใส่ในคนในครอบครัว อย่าลืมคนรอบตัว หลายครั้งเราปล่อยให้เพื่อนพี่น้องของเราต้องตายไปเพราะความอดอยากแร้นแค้น เราก็คงรู้สึกเสียใจที่เราไม่ได้ช่วยเหลือเขา ไม่ได้ให้อาหารหรือให้เงินเขาไปซื้ออาหาร ปล่อยให้เขาต้องอดตาย…ช่วยๆกัน เท่าที่เราช่วยกันได้นะครับ พระพรที่พระให้เพื่อเราดูแลกันและกันครับ
ท้ายสุดนี้ เป็นคำถามย้ำเตือนเรา ถ้าเราตระหนักดีว่าชีวิตของเราจะอยู่ไปได้อีกกี่วัน? กี่เดือน? กี่ปี? …เราก็คงจะไม่รอช้าที่จะทำในสิ่งที่เราอยากจะผลัดไปทำในวันข้างหน้าเลย ลองทำทุกๆ วันๆ ในยามค่ำคืน เพื่อรุ่งอรุณวันหใหม่จะได้มีหลักชัย เป้าหมายความฝันที่ชัดเราจะได้ปรับเปลี่ยน เติมโตตามโดยมีพระเยซูเจ้าเป็นตนแบบของชีวิตเรา มากกว่านั้นเราทำเองคงไม่มีแรงสู้เพียงพอ เราคริสตชนวอนขอยาวมเข้า ตรวนจสอบตกค่ำ เพื่อก้าวเดินในหนทางที่ตรง เราต้องการพละกำลัง ต้องการปรีชาญาณ ต้องการใจที่เด็ดเดี่ยวไม่ท้อถอย ซึ่งจะได้มาด้วยการสวดภาวนา การทำพลีกรรม การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ การอ่าน-ฟัง-ไตร่ตรองพระวาจาและนำเอาไปปฏิบัติเป็นชีวิตของเรา…