ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี C
ลก 3: 10-18…แล้วพวกเราเล่า เราจะต้องทำสิ่งใด?…ใครมีเสื้อสองตัว จงแบ่งตัวหนึ่งให้กับคนที่ไม่มี คนที่มีอาหารก็จงทำเช่นเดียวกัน…
…พระศาสนจักรเรียกวันอาทิตย์ที่สาม เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าว่าเป็น “วันอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี” หรือ “Gaudete Sunday” เหตุผลที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้เราแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่เรากำลังชุมนุมกันอยู่เพื่อที่จะประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ องค์พระเยซูเจ้าทรงอยู่ใกล้ๆเรามากๆ พระองค์กำลังประทับอยู่ท่ามกลางพวกเราในพิธีบูชาขอบพระคุณและในพระวาจาของพระองค์และเรากำลังรอคอยและเตรียมสมโภชการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระองค์…
ข้อคิด…ในบทอ่านที่หนึ่ง ท่านประกาศกเศฟันยาห์ (ศฟย 3: 14-18ก) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่เจ็ดก่อนคริสตกาล เรียกร้องให้ชาวเยรูซาเล็มชื่นชมยินดี เพราะว่าการช่วยให้รอดพ้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว พระเจ้าจะเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขาและจะช่วยปลดปล่อยพวกเขาจากศัตรู…พระเจ้าทรงได้รับการนำเสนอมิใช่เฉพาะในรูปแบบของกษัตริย์และนักรบเท่านั้น แต่ในรูปแบบของเจ้าบ่าวที่น่ารักอีกด้วย เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้ทรงแสดงออกซึ่งความรักมั่นคงเป็นนิตย์ต่อเจ้าสาวที่แม้ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
“ความชื่นชมยินดี” ได้รับการเน้นย้ำมากขึ้นไปอีกในบทอ่านที่สอง (ฟป 4: 4-7) นักบุญเปาโลเรียกร้องให้คริสตชนชาวฟิลิปปีได้ชี่นชมยินดีเพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังอยู่ใกล้แล้วซึ่งแน่นอนนักบุญกำลังคิดถึงและเชื่อในการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระองค์ ดังนั้นเราจึงไม่ควรมีความกังวลใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าเรามีความต้องการอะไรบ้าง ก็ขอให้เราได้อธิษฐานภาวนาและสันติสุขของพระเจ้าก็จะสถิตย์อยู่กับเรา
“การที่องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้แล้ว” ก็เป็นหัวใจหรือศูนย์กลางของพระวรสารในวันอาทิตย์นี้ด้วย ท่านยอห์น แบปทิสต์ ได้บอกกับประชาชนว่าพวกเขาต้องทำอะไรเพื่อเป็นการเตรียมตัวเตรียมจิตใจสำหรับการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อที่จะหนีการพิพากษาลงโทษของพระเจ้า แต่ว่าในเวลาเดียวกันท่านนักบุญก็บอกอย่างแจ้งชัดว่าท่านเป็นผู้น้อยกว่าองค์พระเยซูเจ้า
จากพระวรสารที่เราได้ยินในวันอาทิตย์นี้ เราจะแลเห็นว่าท่านยอห์น แบปติสต์ เป็นคนที่ปฏิบัติจริง ไม่ใช่เป็นคนที่ดีแต่พูด เช่นเดียวกันศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ต้องแสดงออกด้วยการปฏิบัติและเป็นศาสนาที่มีมิติทางสังคม ศาสนาคริสต์มิใช่เป็นเรื่องระหว่างพระเจ้ากับตัวฉัน แต่เป็นเรื่องระหว่างพระเจ้า-ตัวฉัน-และเพื่อนมนุษย์
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับช่างซ่อมรองเท้าคนหนึ่ง เขาอาศัยและทำงานอยู่ในห้องชั้นล่างใต้ดิน จากหน้าต่างห้องทำงาน เขาสามารถมองเห็นรองเท้าของคนที่เดินไปเดินมาบนถนนผ่านหน้าร้านของเขา และเขาจำหน้าคนได้จากรองเท้าที่ผ่านการซ่อมจากมือของเขา
ชีวิตของชายคนนี้น่าสงสารมากขึ้น เมื่อเขาได้สูญเสียภรรยาและต่อมาก็ได้เสียบุตรชายคนเดียวอีก ทำให้เขากลุ้มใจมาก เลยต้องพึ่งน้ำเมาและไม่ยอมไปวัด
อยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนเก่าแก่มาเยี่ยมเขาถึงที่บ้าน พลางแนะนำให้เขาอ่านพระวรสารวันละนิดวันละหน่อยทุกๆวัน และชีวิตจะดีขึ้น เขาก็ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น หยิบพระวรสารขึ้นมาอ่านวันละนิดทุกคืนก่อนเข้านอน ชีวิตของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ดูเหมือนชีวิตของเขาเริ่มมีความหวังขึ้นบ้าง ก่อนเข้านอนคืนหนึ่ง ขณะที่กำลังอ่านพระวรสารอยู่เหมือนที่เคย เขาได้ยินเสียงเหมือนมีคนเรียกเขา พูดว่า “พรุ่งนี้ให้มองออกไปนอกหน้าต่าง เราจะมาหาเจ้า”…วันรุ่งขึ้น เขาก็ทำงานซ่อมรองเท้าไป พลางกวาดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อจะดูว่ามีใครเดินผ่านมาบ้างหรือเปล่า แต่เขาก็มองไม่เห็นใครที่ตั้งใจจะมาหาเขาเลย จึงค่อนข้างแน่ใจว่าคงเป็นเสียงของพระ
วันรุ่งขึ้น เขานั่งทำงานเหมือนเช่นเคย รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ เขาเฝ้าตรวจดูรองเท้าทุกคู่ที่เดินผ่านหน้าต่างห้องเขาไป แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษและผิดสังเกต ครั้นล่วงไปถึงตอนบ่าย เขาสังเกตเห็นรองเท้าที่คุ้นๆคู่หนึ่งซึ่งเป็นของทหารแก่ๆคนหนึ่ง มายืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องเขาพอดี ยืนตัวสั่น เพราะข้างนอกอากาศหนาวมาก เขาอยากจะบอกให้ทหารคนนั้นอย่ายืนบังหน้าต่างที่เขากำลังนั่งทำงานอยู่ เพราะเกรงว่าถ้าพระเยซูเจ้าจะเสด็จมาหาเขา เขาก็จะมองไม่เห็น แต่ทหารคนนั้นก็ยังยืนตัวสั่นอยู่ที่นั่น เขาสังเกตว่าทหารคนนั้นคงหิวด้วย เพราะไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน เขาจึงเคาะที่กระจกหน้าต่างทำสัญญาณให้ทหารคนนั้นเข้ามาในห้อง เชิญให้นั่งใกล้ๆกองไฟ เอาน้ำชาและขนมปังมาให้รับประทาน แล้วยังแถมให้เสื้อกันหนาวอีกตัวหนึ่งด้วย ขณะที่กำลังคุยกับทหารอยู่นั้น เขาก็ไม่วายที่จะเหลือบสายตาออกไปทางหน้าต่างอยู่บ่อยๆเพื่อจะดูว่ามีคนพิเศษผ่านไปมาหรือเปล่า จนแล้วจนรอด รอดูอยู่จนดึก ก็ยังไม่มีชายอย่างที่คาดหวังไว้ผ่านมาเลย จึงจำใจต้องลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง แล้วหยิบหนังสือพระวรสารขึ้นมาอ่านเหมือนที่เคย บังเอิญพลิกไปที่พระวรสารของนักบุญลูกา บทที่ 3: 10-18 …ประชาชนถามยอห์นว่า “เราจะต้องทำอะไร?” ยอห์นก็ตอบว่า “ใครมีเสื้อสองตัว จงแบ่งตัวหนึ่งให้กับคนที่ไม่มี คนที่มีอาหารก็จงทำเช่นเดียวกัน” …เขาวางหนังสือลง แล้วเริ่มไตร่ตรองพระวาจานั้น และได้เริ่มเข้าใจว่าพระเยซูเจ้าได้เสด็จมาหาเขาจริงๆในวันนั้น แต่พระองค์เสด็จมาในบุคคลของทหารคนนั้น เขาได้ต้อนรับพระองค์ หัวใจของเขาจึงเต็มล้นด้วยความดีใจและชื่นชมยินดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ชายซ่อมรองเท้าคนนี้ได้ทำการต้อนรับองค์พระเยซูเจ้าในชีวิตของตนในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอาศัยการอ่านพระวาจาของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพื่อนมนุษย์ที่มีความต้องการความช่วยเหลือ
เรากำลังเตรียมต้อนรับการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในวันสมโภชพระคริสตสมภพและในการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะเสด็จมา พลางนำของขวัญมาให้ พระองค์มิได้เสด็จมาหาเราในโอกาสพระคริสตสมภพเท่านั้น พระเยซูเจ้าทรงเสด็จมาหาเราอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุกๆวันในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เสด็จมาหาเราในบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือจากเราซึ่งอาจจะเป็นคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ในที่ทำงานด้วยกัน ตามถนนหนทาง ฯลฯ
เทศกาลต้อนรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า ปลุกเร้าเตือนใจเราให้เตรียมหนทางสำหรับพระองค์ และวิธีเตรียมหนทางที่ดีที่สุด คือการต้อนรับผู้ต้องการความช่วยเหลือจากเราในด้านต่างๆ อันเป็นหนทางที่จะทำให้เราพบกับสันติสุข ความสุขใจและความดีงาม และดังนี้เราก็จะมีความสุขความชื่นชมยินดีในเทศกาลพระคริสตสมภพ.
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์