ข้อคิดอาทิตย์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา ปี C
ลก 5: 1-11…โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป…แต่เมื่อพวกสาวกนำเรือกลับถึงฝังแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระเยซูเจ้า…
นักบุญทุกท่านต่างก็มีจิตสำนึกถึงความเป็นคนบาปของตน และนี่แหละที่ทำให้พวกท่านวางใจในพระหรรษทานของพระเจ้า มากกว่าในพลังความสามารถของตัวเอง…ในขณะที่ความเป็นคนบาปของเรากดเราให้ต่ำลง ก็ขออย่าให้จิตใจของเราตกต่ำหดหู่ตามไปด้วย หรืออาจจะทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มศิษย์ของพระเยซูเจ้า…พระองค์ได้เสด็จมาเพื่อช่วยเราให้เอาชนะบาปและความไม่ดีต่างๆในตัวเรา ดังนั้นให้เราได้เข้าไปหาพระองค์ด้วยความเชื่อมั่นและสารภาพผิดต่อพระองค์ เพื่อว่าพระองค์จะได้ชำระจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์
ข้อคิด…ทะเลสาบเยนเนซาเรทมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลสาบกาลิลีหรือทะเลสาบตีเบเรียส และผู้ที่ทำมาหากินบนฝั่งของทะเลสาบ ก็จะใช้เรือและอวนเพื่อหาปลาในทะเลสาบเป็นการยังชีพของตัวเองเช่นเดียวกับในกรณีของอัครสาวกรุ่นแรกๆของพระเยซูเจ้า
…บทอ่านทั้งสามบทของวันอาทิตย์นี้ สื่อเนื้อหาสาระด้วยเรื่องเดียวกันคือเรื่องของ “กระแสเรียก” ซึ่งจะได้รับไปพร้อมๆกับ “พันธกิจ” และ “การเผยแสดงองค์ของพระเจ้า” ซึ่งเกี่ยวข้องกันเป็นอย่างมาก
และสามบุคคลสำคัญในพระวาจาที่นำเสนอให้พวกเราได้ยินได้ฟังในวันอาทิตย์นี้ คือ ประกาศกอิสยาห์ นักบุญเปาโลและนักบุญเปโตร ทั้งสามท่านนี้ได้ทำสิ่งใหญ่โตเพื่อพระเจ้า แต่ในเวลาเดียวกันทั้งสามท่านนี้ก็มีข้อด้อยของตัวเองเหมือนกัน แต่เมื่อพระเจ้าทรงเรียกพวกท่าน ท่านในเบื้องต้นก็ยอมรับการเรียกนั้นอย่างไม่สู้เต็มใจนัก เพราะรู้ตัวเองว่าไม่สมควรสักเท่าใด…
ท่านประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่สะอาด”
นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวก”
ส่วนนักบุญเปโตรกล่าวว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป”
…นี่มิใช่เป็นความสุภาพจอมปลอม แต่ว่าเป็นความจริงใจที่ออกมาจากจิตสำนึก…
ท่านทั้งสามเริ่มด้วยการยอมรับรู้ถึงความไม่เหมาะสมและความไม่พร้อมของตน ซึ่งจากมุมมองของผู้แนะนำชีวิตจิต ต่างก็มีความเห็นว่านี่แหละที่เป็นการเริ่มต้นชีวิตการเป็นศิษย์ขององค์พระเยซูเจ้าอย่างเป็นอุดมการณ์เลยทีเดียว
ส่วนคนที่อวดอ้างสรรพคุณของตัวเองก่อนที่จะลงมือทำอะไร มักจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะคนประเภทนี้เชื่อมั่นในความสามารถของตนเองมากกว่าอย่างอื่น พลางแสวงหาเกียรติยศชื่อเสียงใส่ตัว…คนจองหองอวดดีและคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง ก็เหมือนกับคนที่เริ่มสร้างบ้านบนทราย ซึ่งจะพังทลายลงได้ง่ายๆ
ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราพบคนที่รู้สึกค่อนข้างหวาดกลัว แบ่งรับแบ่งสู้ เราเริ่มรู้สึกนิยมชมชอบในตัวเขา เห็นเขามีความน่าเชื่อถือและมีความเป็นมนุษย์มากกว่า
สิ่งที่พูดมานี้ ดูคล้ายๆกับว่าเป็นความขัดแย้งกัน แต่นักบุญเปาโลเองก็ได้กล่าวว่า “เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น” จริงๆแล้วท่านอยากบอกพวกเราว่า การยอมรับความอ่อนแอของตนเอง จะทำให้เราหันเข้าหาพระเจ้าและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าก็จะอยู่กับเรา
เมื่อเรายอมรับความอ่อนแอของตน พระเจ้าก็จะทำให้เราเข้มแข็ง
เมื่อเรายอมรับความว่างเปล่าของตน พระเจ้าก็จะทรงช่วยเติมเต็มให้
เมื่อเรายอมรับความความยากจนน่าสงสารของตน พระเจ้าก็จะทรงช่วยทำให้ร่ำรวยมั่งคั่ง
และดังนี้ เราก็จะสามารถทำงานที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ ได้สำเร็จ เพราะพระองค์จะเสริมแต่งในตัวเราสิ่งที่ขาดไปและทำให้เป็นไปได้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในความรู้สึกนึกคิดของเรา
แน่นอน ความสุภาพควรจะต้องเป็นจุดเริ่มต้นในชีวิตจิตของแต่ละคน เพราะถ้าไม่มีพระหรรษทานของพระเจ้า คอยช่วยสนับสนุน เราก็จะไม่สามารถทำอะไรที่เป็นบุญกุศลได้ ทั้งจะไม่สามารถเอาตัวรอดพ้นได้ และการที่จะช่วยคนอื่นให้เอาตัวรอดพ้นด้วยนั้น ก็ยิ่งจะเป็นไปได้ยากขึ้นหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลย
นักบุญเปโตรได้ทรงขอร้องให้พระเยซูเจ้า ออกห่างจากตัวท่าน เพราะท่านมีจิตสำนึกว่าท่านเป็นคนบาป…ท่านคิดว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ จึงควรที่จะต้องอยู่ห่างๆจากคนบาป แต่พระเยซูเจ้าทรงไม่ยอมทำเช่นนั้นเด็ดขาด เพราะการที่พระองค์มาบังเกิดเป็นมนุษย์และอยู่บนโลกมนุษย์เรานี้ ก็เพื่อคนบาปนั่นเอง พระองค์ทรงต้องการเปลี่ยนความเข้าใจของมนุษย์ที่มีต่อพระเจ้าเสียใหม่ พระเจ้าของเรามิใช่พระเจ้าที่รังเกียจมนุษย์ แต่เป็นพระเจ้าที่รักมนุษย์ ต้องการอยู่กับพวกเขาและต้องการให้พวกเขาได้เอาตัวรอดพ้น ให้พวกเขาได้มีโอกาสตั้งต้นใหม่ในชีวิตของพวกเขา
ท่านประกาศกอิสยาห์ นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล ในที่สุดก็รับคำเชื้อเชิญจากพระเจ้าให้ร่วมมือกับพระองค์ และท่านทั้งสามได้ให้ความร่วมมือกับพระองค์อย่างเต็มที่ ทั้งได้ทำงานเพื่อพระองค์อย่างสุดยอด…นี่เป็นพลังอันเกิดขึ้นจากความอ่อนแอของมนุษย์…เพราะเมื่อเราตอบรับการเรียกของพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงสนับสนุนให้พละกำลังแก่เรา ให้เราสามารถทำสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าเราจะสามารถทำได้
เราควรจะอธิษฐานภาวนาขอพระเจ้า โปรดประทานความสุภาพให้เรายอมรับความอ่อนแอของตนเอง และประทานพละกำลังให้เราได้เอาชนะความอ่อนแอนั้นๆ…แล้วนั้น เราก็จะมีความชื่นชมยินดีที่ได้ค้นพบว่า…“เมื่อข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น”…เพราะฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอยู่กับเรา
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์