บทอ่านจากคำบรรยายหนังสือ Diatessaron โดยนักบุญเอเฟรม สังฆานุกร
พระวาจาของพระเป็นเจ้าเป็นแหล่งน้ำที่ไม่รู้จักเหือดแห้ง
ข้าแต่พระเจ้า ใครเล่าจะสามารถเข้าใจพระวาจาของพระองค์ แม้เพียงคำเดียว? แน่นอน สิ่งที่เข้าใจนั้นมีน้อยกว่าสิ่งที่เราไม่เข้าใจ เราเป็นเหมือนคนที่ได้ดื่มจากบ่อน้ำทรงชีวิต ข้าแต่พระเจ้า พระวาจาของพระองค์ให้บทสอนหลายอย่างแก่เรา ดังเช่น ผู้ที่ศึกษาพระวาจาของพระองค์และเข้าใจในหลายแบบต่างกัน พระองค์ได้ทรงประดับประดาพระวาจาของพระองค์ด้วยความงามหลายหลาก เพื่อผู้ที่ค้นคว้าจะได้พบและพิศชมสิ่งที่ใจของเขาปรารถนา พระองค์ทรงซ่อนขุมทรัพย์ทั้งหมดของพระองค์ไว้ในพระวาจา เพื่อแต่ละคนจะได้พบส่วนหนึ่งสำหรับวิญญาณของตน
พระวาจาของพระเจ้าเป็นดังต้นไม้แห่งชีวิต และให้ผลิตผลแก่เราจากทุกส่วน และยังเป็นเหมือนศิลาที่ถูกเปิดออกในถิ่นทุรกันดาร ที่ให้น้ำซึ่งเป็นเครื่องดื่มฝ่ายจิต ดังที่นักบุญเปาโลกล่าวไว้ในจดหมายถึงชาวโครินธ์ฉบับที่หนึ่งว่า “ทุกคนได้รับประทานอาหารฝ่ายจิตและดื่มน้ำฝ่ายจิต”
ผู้ที่ได้สัมผัสขุมทรัพย์ในพระวาจาของพระเจ้าแม้เพียงบางส่วน ก็อย่าคิดว่าในพระวาจาของพระองค์นั้นไม่มีสิ่งอื่นอีกแล้ว แต่ควรคิดว่าเขาได้พบเพียงสิ่งเดียวในบรรดาขุมทรัพย์ที่มีในพระวาจาของพระองค์ เมื่อเราได้รับขุมทรัพย์จากพระวาจาแล้ว อย่าคิดว่าขุมทรัพย์นี้จะหมดไป แต่ให้เราขอบพระคุณในความไม่มีขอบเขตของพระองค์ พึงตระหนักถึงความดีที่เราได้รับจากพระวาจานั้น
และจงชื่นชมโสมนัสเพราะเรารู้สึกอิ่มหนำในพระวาจา อย่าเสียใจที่พระวาจาอยู่สูงเหนือกว่าเรา ผู้ที่กระหายก็ยินดีที่จะดื่ม แต่ไม่น้อยใจที่ไม่สามารถทำให้บ่อน้ำแห้งได้ บ่อน้ำเป็นแหล่งดับความกระหาย แต่ความกระหายไม่ทำให้บ่อน้ำแห้งไป เมื่อเราหมดความกระหายแล้ว แต่บ่อน้ำยังไม่เหือดแห้งไป และเมื่อไรเรารู้สึกกระหายเราก็สามารถไปดื่มอีกได้ แต่หากความกระหายของท่านมากล้น ไม่รู้จักอิ่มและบ่อน้ำแห้งไป เมื่อนั้นชัยชนะของท่านจะกลับเป็นผลเสียหายแก่ตัวท่านเอง
ดังนั้น จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้าด้วยสิ่งที่ท่านได้รับ อย่าเศร้าโศกเป็นอันขาดถึงสิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ เพราะสิ่งที่ท่านได้รับและบรรลุถึงก็เป็นส่วนของท่านในขณะนี้ ส่วนสิ่งที่เหลือก็จะเป็นมรดกของท่านด้วย เพราะสิ่งที่ท่านไม่สามารถรับได้ในครั้งเดียว เพราะความอ่อนแอของท่าน ท่านอาจจะรับได้ในครั้งต่อไป หากท่านมีความพากเพียร ฉะนั้น จงอย่าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาที่พยายามตักตวงจนหมดในครั้งเดียว ในสิ่งที่ไม่อาจใช้ให้หมดได้ในทันที และจงอย่าเกียจคร้านละเลยสิ่งที่ท่านอาจได้รับทีละเล็กทีละน้อย
แบ่งปัน
พระวรสารในวันอาทิตย์นี้ มีการพูดถึงเวลาที่เราจะพบความหายนะหรือภัยพิบัติ ควบคู่กับความมีบุญลาภ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราใช้เวลาไปกับส่วนใดมากกว่ากัน ซึ่งพระเยซูเจ้ามิเคยมุ่งร้ายหรือพูดให้เราตื่นตระหนกหรือตกใจกลัว แต่ทรงเตือนสติเราด้วยความทุกข์ใจ ซึ่งคำว่า “วิบัติ” แก่ผู้หลงผิด จึงมิใช่คำสาปแช่งดั่งที่หลายคนอาจเข้าใจผิด แต่เป็นการเตือนและปรามเราอย่างแข็งขันมิให้หลงคิดง่ายๆ ว่า คงไม่เป็นไร ถ้าเราจะลองหลงผิดดูบ้าง! อย่าลองหลงผิดเลย เพราะมีอันตรายจริงๆ ขอให้พระวาจาของพระคริสตเจ้าที่เรามั่นใจอย่างแท้จริงแล้วว่า ทรงรักเราจริงๆ ช่วยเติมความมุ่งมั่นของเรา ในการรับฟังพระองค์และกล้าตัดสินใจปฏิบัติตาม แม้จะต้องทวนกระแสสังคมเพียงใดก็ตาม เพราะเราจะเก็บเกี่ยวผลงานและความสำเร็จในบั้นปลายอย่างมีความสุขอย่างแน่นอน
เมื่อเราได้ไตร่ตรองชีวิตเรา เราได้ใช้เวลาไปกับส่วนไหน ใช้เวลาได้อย่างดีหรือเปล่า เพื่อความสุขแท้จริงที่จะเกิดกับเราและคนรอบข้างตัวเรา
มีเรื่องเล่าให้เราจินตนาการว่า มีธนาคารแห่งหนึ่งเข้าบัญชีให้คุณทุกเช้าเป็นเงิน 86,400 บาท แต่ไม่มีการยกยอดคงเหลือไปวันรุ่งขึ้น ทุกตอนเย็นจะลบยอดคงเหลือทั้งหมดที่คุณไม่ได้ใช้ระหว่างวัน
คุณจะทำอย่างไร? แน่นอนที่สุดคุณต้องการถอนมาใช้ทุกบาททุกสตางค์ใช่ไหม
เราทุกคนมีธนาคารอย่างนั้นเหมือนกัน ธนาคารแห่งนี้ชื่อว่า “เวลา”มันเข้าบัญชีให้คุณ 86,400 วินาที ทุกคืนมันจะล้างบัญชี มันไม่สะสมยอดคงเหลือ ไม่ให้เบิกเกินบัญชี ในแต่ละวัน จะเปิดบัญชีใหม่ให้คุณ ทุกค่ำคืนจะลบยอดคงเหลือทั้งวันออกหมด
ถ้าคุณเสียโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ในระหว่างวัน ผลขาดทุนเป็นของคุณไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้ ไม่มีการถอนของ “วันพรุ่งนี้” มาใช้ได้ คุณต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ด้วยยอดเงินฝากของวันนี้ ให้ลงทุนจากเงินฝากเหล่านี้เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อสุขภาพ ความสุข และความสำเร็จ
จะเป็นบุญหรือวิบัติ อยู่ที่เราตระหนักและลงมือใช้เวลาที่พระมอบให้แต่ละวันอย่างไร ใช้ทำตามใจอาจจะพลาด แต่ถ้าทำตามน้ำพระทัย ผลเกิดช้า แต่มาทันเวลาแน่นอน…