ข้อคิดอาทิตย์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา ปี C
ลก 6: 39-45…คนนำทางตาบอดย่อมไม่สามารถนำทางคนอื่นได้…และปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา…
พระวรสารในวันนี้พูดถึงความรักต่อเพื่อนพี่น้องที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา แน่นอนคนเราไม่สามารถรับหน้าที่นำคนอื่น เว้นแต่ตนเองจะรู้จักทิศทางที่จะต้องเดินไปแล้วเท่านั้น ดังนั้นก่อนที่เราจะแนะนำหรือวิจารณ์คนอื่น ก็ขอให้เราได้แนะนำตัวเอง วิจารณ์ตนเองและทำก่อนเป็นคนแรกเสียก่อน…ต้นไม้พันธุ์ดี ย่อมให้ผลที่ดีและคนดีย่อมนำสิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน
ข้อคิด…พระเยซูเจ้า ทรงบอกพวกเราว่าเป็นการง่ายที่เราจะมองเห็นความอ่อนแอและข้อบกพร่องของผู้อื่น โดยทั่วๆไปคนเรามักจะสร้างกำแพงเพื่อป้องกันการมองเห็นตนเอง และเราแต่ละคนมีเศษไม้อยู่ในตาของเรา ซึ่งปิดบังมิให้เรามองเห็นข้อบกพร่องของตนเอง เราอาจจะมองไม่เห็นความจริงเกี่ยวกับตัวเราเองในขณะที่คนอื่นๆ ที่อยู่กับเราหรือทำงานร่วมกับเราเขามองเห็นอย่างชัดเจน และรู้ว่าเราเป็นคนเช่นใด
ครั้งหนึ่งมีฤาษีหนุ่มรูปหนึ่งทำความผิดร้ายแรง บรรดาฤาษีชรารีบเรียกทุกคนมารวมกันเพื่อตัดสินเขา อย่างไรก็ตามที่ประชุมของบรรดาฤๅษีจะเริ่มขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีอธิการเข้าร่วมในการประชุม ดังนั้นพวกเขาจึงส่งสารไปบอกท่านอธิการว่า “ให้ท่านรีบมา หมู่คณะกำลังรอท่านอยู่”
ท่านอธิการมาถึงพร้อมกับตระกร้าเก่าๆใบหนึ่งที่มีรู ท่านได้ใส่ทรายละเอียดไว้ในตะกร้า แล้วเริ่มเดินพร้อมกับถือตะกร้าใบนั้นมาด้วย แน่นอนว่าระหว่างทาง เม็ดทรายก็ร่วงหล่นไปตลอดทางที่ท่านเดินไป
บรรดาฤๅษีชราออกมาพบท่านอธิการ ถามท่านว่าที่ท่านทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ท่านอธิการตอบว่า “บาปของฉันกำลังถูกปล่อยออกไปข้างหลังฉัน ทุกแห่งที่ฉันไป ฉันทิ้งร่องรอยของสิ่งบกพร่องไว้ข้างหลัง ส่วนใหญ่แล้วฉันมองไม่ค่อยเห็นตนเอง และวันนี้ พวกท่านต้องการให้ฉันนั่งตัดสินพี่น้องของฉัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรดาฤๅษีชรารู้สึกละอายใจต่อตนเอง พวกเขายกเลิกการไต่สวน และยอมให้อภัยฤๅษีหนุ่มคนนั้น
หลายๆครั้ง ทั้งๆที่โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวเรา เรามักชอบทำตัวเป็นผู้ชำนาญในการค้นหาข้อบกพร่องของคนอื่นและทำการวิพากษ์วิจารณ์เขา… พระเยซูเจ้าทรงบอกเราว่า “จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง” เราต้องจัดบ้านของเราเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะพยายามบอกให้คนอื่นจัดบ้านของเขาให้เรียบร้อย ถ้าเราละเลยสิ่งนี้ ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้ตัดสินพี่น้องของเราด้วยความรักเมตตา แต่ตัดสินเขาด้วยความเกลียดชัง และปรารถนาที่จะเปิดเผยความผิดบกพร่องของเขาให้คนอื่นได้รู้ อันเป็นการสร้างความพึงพอใจให้กับตัวเอง
ผู้นำสามารถนำทางได้ถ้าเขามองเห็นทางด้วยตัวของเขาเอง ครูสามารถให้สิ่งดีๆแก่ลูกศิษย์ได้ ก็ต่อเมื่อตัวเขาเองได้เรียนรู้และมีสิ่งดีนั้นๆแล้ว และถ้าเราต้องการหลีกหนีการเป็นผู้นำทางที่ตาบอด เราต้องพยายามมองดูตัวเองและฝึกวิจารณ์ตนเอง
ถ้าเราต้องการแก้ไขความผิดบกพร่องของคนอื่น เราเพียงบอกว่าเขากระทำผิดหรือทำไม่ดีอะไรบ้าง และให้เขามองเห็นข้อผิดพลาดด้วยวิธีของเขาเอง และดังนี้เราและคนรอบๆข้างก็จะมีความสุข แต่ว่าเราและคนรอบๆข้างจะไม่มีความสุข เมื่อเราคิดถึงเฉพาะตัวของเราเองและไม่กล้าจะแก้ไขข้อผิดบกพร่องของตัวเราเองเสียก่อน เอาแต่คอยจะจับผิดคนอื่น
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์