ข้อคิดอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต ปี C
ลก 13: 1-9…นายครับ ปล่อยมันไว้ปีนี้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดินรอบต้นใส่ปุ๋ย ดูซิปีหน้ามันจะออกผลรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้…เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน
พระเยซูเจ้าได้ทรงกล่าวกับผู้คนร่วมสมัยกับพระองค์ว่า “ถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน” และคำพูดคำเดียวกันนี้ พระองค์ก็ทรงพูดกับเราทุกคนในขณะนี้ด้วย…ทุกครั้งเมื่อเราเริ่มพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เราก็จะเริ่มด้วยการเป็นทุกข์กลับใจ พลางอธิษฐานภาวนาขอพระองค์ได้โปรดให้อภัยบาปความผิดต่างๆของเราและให้เราได้กลับใจมาหาพระองค์
ข้อคิด…บทอ่านที่หนึ่ง (อพย 3: 1-8. 13-15) ได้บอกให้เรารู้ว่าพระเจ้าได้ทรงประจักษ์มาหาโมเสสในพุ่มไม้เพลิงและได้ทรงเผยแสดงพระนาม “ยาห์เวห์” ของพระองค์อย่างไร…พระเจ้าได้ทรงฟังเสียงร้องคร่ำครวญของประชากรที่ถูกกดขี่ข่มเหงของพระองค์ และได้ทรงส่งโมเสสมาช่วยปลดปล่อยพวกเขา…เป็นจุดผกผันที่สำคัญอันจะนำไปสู่การอพยพครั้งสำคัญในการช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้าในประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้นของชนชาติอิสราเอลในโอกาสต่อมา
ส่วนในพระวรสาร พระเยซูเจ้าได้ทรงปรับแก้ความเข้าใจที่ผิดๆของประชาชนส่วนใหญ่ที่เข้าใจว่าเหตุเภทภัยต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นการทำโทษของพระเจ้าต่อบาปผิดของเรามนุษย์…ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่เช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตาม บาปผิดของเรามนุษย์ก็ยังคงเรียกร้องให้เราทำการกลับใจใช้โทษบาป…พระเยซูเจ้าได้ทรงกล่าวกับชนชาวยิวว่าพวกเขาจะสูญเสียพระสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงกระทำกับพวกเขาไป ถ้าหากพวกเขาจะไม่กลับใจใช้โทษบาป
และเรื่องต้นมะเดื่อเทศในเรื่องอุปมาของพระเยซูเจ้า…ต้นมะเดื่อเทศต้นนี้เป็นต้นไม้พิเศษมากทีเดียว เพราะมันแต่เพียงต้นเดียวที่ถูกปลูกไว้ในสวนองุ่น แม้ว่าจะมีอะไรพิเศษอย่างนี้ ต้นมะเดื่อเทศต้นนี้ ก็ไม่ยอมออกผล ถึงกระนั้นเจ้าของสวนก็ยังให้โอกาสมัน ยังไม่โค่นมันทิ้ง…ต้นมะเดื่อเทศต้นนี้ คือชนชาวอิสราแอลและเราคริสตชนแต่ละคนที่ถูกปลูกไว้ในสวนองุ่นของพระเจ้า…สภาพที่ไม่ยอมออกผลของต้นมะเดื่อเทศนี้ เป็นสัญลักษณ์ของสภาพที่ไม่ยอมออกผลในชีวิตของประชากรอิสราแอลและของพวกเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า…แต่พระเจ้าทรงอดทน พลางรอคอยให้พวกเขาและเรา กลับใจใช้โทษบาป แม้ว่าโอกาสและเวลาจะเหลือน้อยลงก็ตาม
พระเยซูเจ้าได้ทรงเริ่มพันธกิจของพระองค์ ด้วยการเรียกร้องให้กลับใจใช้โทษบาป “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด” ทุกวันนี้ อาศัยเสียงเรียกของพระศาสนจักร ก็เรียกพวกเราให้กลับใจเช่นเดียวกัน เสียงเรียกให้กลับใจเป็นหัวใจของพระวรสาร พระเยซูเจ้ามิได้ทรงบอกกับพวกคนบาปเท่านั้นที่ให้กลับใจ แต่บอกกับคนดีทั่วๆไปด้วย หรือพูดให้ถูกต้องมากขึ้น คือพระองค์ได้ทรงบอกกับทุกๆคนโดยไม่มีการยกเว้นนั่นแหละ…บางทีพวกเราอยากจะถามพระองค์ว่า ทำไมคนดีจึงต้องกลับใจด้วยเล่า?
ในกรณีของคนดีนั้น ความผิดพลาดของพวกเขาอยู่ที่การละเลยที่จะกระทำความดี และนี่เป็นสาระของเรื่องต้นมะเดื่อเทศที่ไม่ยอมออกผล…ความผิดพลาดที่ขาดอะไรไปบางอย่างของต้นมะเดื่อเทศนี้ มิใช่เพราะต้นมะเดื่อเทศนั้นได้ออกผลที่เป็นพิษเป็นภัย แต่เพราะมันไม่ยอมออกผลอะไรเลย ต้นมะเดื่อเทศจะเป็นเช่นไร ถ้าหากมันไม่ยอมออกผล เจ้าของสวนคงไม่ปล่อยให้มันเจริญเติบโตต่อไปอีกเป็นแน่
โดยปรกติแล้ว พวกเราคริสตชนมักจะไม่ชอบถามตัวเราเองว่า “มีอะไรบ้างที่เราไม่ได้ทำ?” ดังนั้น เสียงเรียกที่บอกให้เรากลับใจ มิใช่เป็นเพียงเสียงเรียกไม่ให้เราทำความชั่วเท่านั้น แต่ยังเรียกให้เราทำความดีอีกด้วย จึงเท่ากับว่าเป็นการเรียกให้ทุกคนได้กลับใจ
เสียงเรียกให้กลับใจของพระเยซูเจ้า คงจะรบกวนมโนธรรมของเรา และเราเองก็คงไม่ชอบให้ใครมากวนใจเรา เราต้องการให้ชีวิตของเราเป็นไปอย่างราบเรียบ ไม่มีอะไรมาคอยรบกวนใจ แต่มันก็คงจะเป็นความเห็นแก่ตัว เราอาจจะไม่มีความผิดอะไรที่ใหญ่โต แต่ถึงกระนั้น เราอาจจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่ชอบเรียกร้องอะไรต่างๆ อยากเอาอย่างนั้น อยากเอาอย่างนี้ เรามักจะยึดถือตัวเองเป็นใหญ่ เป็นศูนย์กลาง ไม่ชอบฟังคนอื่น และไม่ชอบฟังพระเจ้า
เราคงจะไม่มีโอกาสที่ตรึงตาตรึงใจของการกลับใจเหมือนกับโมเสส ที่วันนี้เลี้ยงฝูงแกะอยู่ดีๆ แต่พอวันรุ่งขึ้น กลับต้องไปนำประชากรที่โดนกดขี่ข่มเหง ให้ได้รับอิสรภาพ
การกลับใจเป็นสิ่งที่นำความชื่นชมยินดีมาให้ และเป็นข่าวดีอีกต่างหาก เพราะเป็นการเรียกให้ออกจากการเป็นทาสของความเห็นแก่ตัวและบาป ไปสู่ชีวิตแห่งเสรีภาพและพระหรรษทาน เป็นการเรียกให้ออกจาชีวิตที่ไม่บังเกิดผล ไปสู่ชีวิตที่บังเกิดผลมากมาย เป็นการเรียกไปสู่ความยินดีปราโมทย์แห่งพระอาณาจักร อย่างไรก็ตาม การกลับใจจริงๆนี้ มิได้จะบังเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แล้วก็เสร็จเรียบร้อย แต่ว่าเป็นขบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปและมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา…ชีวิตคริสตชนจึงเป็นขบวนการของการกลับใจที่ต่อเนื่องไปจนตลอดชีวิต
เรื่องอุปมาของพระเยซูเจ้าที่เราเพิ่งได้ยินมานี้ เป็นทั้งคำเตือนและคำขู่…จุดประสงค์ของเรื่องอุปมานี้ ก็คือต้องการที่จะบอกเราว่าเรายังขาดอะไรอยู่บ้าง เพื่อว่าเราแต่ละคนจะได้เติมเต็มชีวิตคริสตชนของเรา… ขอให้คนที่คิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ให้ระวังจงหนักว่าจะพลาดท่าเสียทีได้ ไม่มีใครสามารถทำเล่นๆไม่เอาจริงเอาจังกับความรอดพ้น…ไม่มีใครแน่ใจว่าตนเองจะไม่พลาดพลั้งบ้าง และไม่มีใครที่พลาดไปแล้ว จะไม่สามารถกลับลุกขึ้นมาใหม่ได้
ขอให้พระวาจาของพระเยซูเจ้า ได้เร่งรัดให้พวกเราได้ทำการกลับใจมาหาพระองค์ เพราะพระเจ้าอาจจะได้รอคอยการเกิดดอกออกผลของพวกเรามาเป็นเวลานานหลายปีมาแล้ว บัดนี้พระองค์ได้ให้โอกาสพวกเราที่จะกลับมาหาพระองค์ กลับมาเป็นลูกที่ดี ที่ศักดิ์สิทธิ์และที่น่ารักของพระองค์ ให้เรารีบกลับมาหาพระองค์เถิด.
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์