บทอ่านจากข้อเขียนของนักบุญโธมัส อากวีนัส พระสงฆ์
งานเลี้ยงประเสริฐและน่าอัศจรรย์
โดยเหตุที่เป็นน้ำพระทัยของพระบุตรองค์เดียวของพระเป็นเจ้า ที่จะให้มนุษย์มี ส่วนในพระเทวภาพของพระองค์ พระองค์ทรงรับเอาธรรมชาติของเรา เพื่อว่าการเป็นมนุษย์ของพระองค์จะสามารถทำให้เรามนุษย์สูงส่งด้วยชีวิตพระ ยิ่งกว่านั้น เมื่อพระองค์ทรงรับเอาเนื้อหนังของเรา พระองค์ทรงอุทิศสภาพทั้งครบของพระองค์ เพื่อความรอดของเรา พระองค์ทรงถวายพระกายของพระองค์แด่พระบิดาบนพระแท่นแห่งไม้กางเขน เพื่อเป็นเครื่องบูชาชดเชยบาปของเรา พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตเพื่อไถ่เรา ให้พ้นจากพันธะอันน่าสมเพชและทรงชำระเราให้บริสุทธิ์จากบาป แต่เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักซึ่งพระองค์ทรงมีต่อเราตลอดกาล พระองค์ได้ประทานพระกายเป็นอาหาร และพระโลหิตเป็นเครื่องดื่ม ในรูปขนมปังและเหล้าองุ่นเพื่อผู้ที่มีความเชื่อจะได้บริโภค
งานเลี้ยงประเสริฐและน่าอัศจรรย์ ซึ่งนำความรอดมาสู่เราและเปี่ยมด้วยความหวานชื่น! จะมีอะไรมีค่ามากกว่าอีกหรือ? ในพันธสัญญาเดิมชาวอิสราเอลถวายเนื้อลูกวัวและแพะเป็นเครื่องบูชา แต่ในที่นี้ พระคริสตเจ้าเอง องค์พระเจ้าแท้ได้ถูกตั้งไว้ต่อหน้าเราเพื่อเป็นอาหารสำหรับเรา จะมีสิ่งใดน่าพิศวงยิ่งไปกว่านี้อีกหรือ? ไม่มีศีลศักดิ์สิทธิ์ใดมีฤทธิ์บำบัดรักษายิ่งใหญ่เช่นนี้ โดยทางศีลนี้ บาปถูกขจัดให้สูญสิ้น คุณธรรมทวีขึ้น และวิญญาณก็มั่งคั่งด้วยพระคุณฝ่ายจิตทุกประการ ในพระศาสนจักรมีการถวายบูชาอุทิศแด่ผู้มีชีวิตและผู้ล่วงลับ เพื่อสิ่งที่ทรงตั้งไว้เพื่อความรอดของทุกคน จะได้เป็นประโยชน์แก่ทุกคน ถึงกระนั้นก็ดีไม่มีใครสามารถเผยความหวานชื่นของศีลนี้อย่างครบถ้วนได้ ในศีลนี้วิญญาณได้ดื่มด่ำและลิ้มรสจากแหล่งกำเนิด ในศีลนี้เรารื้อฟื้นอนุสรณ์แห่งความรัก ซึ่งพระคริสตเจ้าทรงเผยแสดงในพระทรมานของพระองค์
เพื่อประทับความรักอันหาขอบเขตมิได้นี้ ในดวงใจของผู้ที่มีความเชื่อให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระเยซูเจ้าจึงทรงตั้งศีลนี้ ในการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายหลังจากทรงฉลองปัสกากับบรรดาศิษย์ของพระองค์ ขณะที่พระองค์กำลังจะทรงละจากโลกนี้ไปหาพระบิดา ทรงมอบศีลนี้ไว้เป็นอนุสรณ์แห่งพระทรมานของพระองค์ เป็นการทำให้รูปแบบในโบราณกาลสำเร็จไป และเป็นอัศจรรย์ยิ่งใหญ่กว่าอัศจรรย์ทั้งหมดที่พระองค์ทรงกระทำ ซึ่งพระองค์ทรงมอบไว้เป็นความบรรเทาสำหรับผู้ที่ทุกข์เศร้าในการจากไปของพระองค์.
การเฉลิมฉลองพระคริสตวรกาย หรือ พระกายของพระคริสต์ เป็นเวลาที่พระศาสนจักรจัดให้เราระลึกถึงด้ายความกตัญญูรู้คุณ ต่อพระกายของพระเยซูเจ้าที่ทรงพลีเพื่อเรา….
ก่อนวันสมโภชปัสกา พระศาสนจักรให้เรารำพึง “พระวรกายของพระเยซูเจ้า” ที่ถูกทรมาน ถูกเฆี่ยนตี พระวรกายที่บอบช้ำเพราะถูกบังคับให้ต้องยกกางเขนขึ้นแบกและเดินไปจนถึงเขากัลวารีโอ พระวรกายที่เปลือยเปล่า ถูกตอกตรึงติดกับกางเขนตั้งตระหง่านต่อหน้าผู้คนมากมายถูกประจานดุจเดียวกับนักโทษสองคนที่อยู่ข้างซ้ายและขวา พระวรกายที่ช้ำชอกอ่อนแรงและสิ้นพระชนม์อยู่บนกางเขน ในครานั้น มีผู้คนมากมายที่ตะโกนร้องให้ “เอามันไปตรึงกางเขน” มีผู้คนที่แห่กันเดินตามพระองค์ที่กำลังแบกกางเขนด้วยความยากลำบากเพราะบอบช้ำไปทั้งตัว ผู้คนพากันยืนมองดูด้วยความสะใจและเกลียดชังที่พระองค์ถูกลงโทษจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ “กษัตริย์ของชาวยิว” ที่พวกเราขานเรียก เป็นการสบประมาทมันน่าสยดสยอง
แต่วันนี้ พระศาสนจักรให้เราเฉลิมฉลอง “พระวรกายอันรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้า” ภายใต้รูปลักษณ์ของแผ่นปังหรือศีลมหาสนิท เป็นพระวรกายภายหลังจากการกลับคืนพระชนมชีพอย่างรุ่งโรจน์ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ สง่างาม น่าหลงใหล แตกต่างจากภาพเดิมอย่างสิ้นเชิง เราทำการเฉลิมฉลอง แห่แหนพระองค์ไม่ใช่เพราะความเกลียดชัง แต่เพราะเราคริสตชน “รู้คุณและกตัญญู” ในความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อเรา ทรงมอบพระกายของพระองค์ลงมาเป็นมนุษย์เพื่อไถ่บาปเรา และวันนี้ พระองค์ยังทรง “อยู่กับเรามนุษย์” ในรูปปรากฎของแผ่นปังหรือศีลมหาสนิท เพื่อให้เรารู้ว่า พระองค์ยังทรงรัก และปรารถนาจะอยู่กับเราเสมอ
พี่น้อง พระเจ้าพระบิดาทรงมอบพระบุตร ให้กับเราเมื่อก่อนอย่างไร วันนี้ ก็ยังทรงมอบพระองค์ให้กับเราอย่างนั้น การเฉลิมฉลองในวันนี้จึงเตือนใจเราให้ระลึกว่า….
ประการที่หนึ่ง
พระองค์ปรารถนาอย่างยิ่ง และพร้อมเสมอที่จะ “อยู่” ในชีวิตของเรา พิธีบูชามิสซาขอบพระคุณ เป็นเวลาแห่งพระพร เป็นเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงรอคอยให้เราออกไปรับพระองค์ เชื้อเชิญพระองค์ให้เสด็จเข้ามาในชีวิตของเรา อนุญาตให้พระองค์ให้เข้ามาเติมเต็มชีวิตวิญญาณของเราด้วยความเต็มใจ
ประการที่สอง
พระเจ้ายังทรงเลี้ยงดูเราอยู่เสมอ ในอดีต พระองค์ทรงประทานมานนาประจำวันให้กับชาวอิสราเอล เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในยามกันดารขาดแคลน วันนี้ พระเจ้าก็ยังทรงประทานมานนาใหม่ คือ พระกายของพระเยซูเจ้าเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตวิญญาณของเรา
พระกายของพระองค์จะไม่มีความหมายเลย หากเราไม่กล้าหาญพอที่จะยืนหยัดและออกไปรับพระองค์ด้วยความเชื่อ หากเราไม่กล้าหาญพอที่จะยอมให้พระองค์เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา… พระเยซูเจ้า พระองค์จะยังทรงรุ่งโรจน์อยู่ในเราเสมอเมื่อเรารับพระองค์ อนุญาตให้พระองค์นำทางชีวิตของเรา เปลี่ยนแปลงตัวเราให้เดินไปในทิศทางเดียวกับพระองค์ในทุกๆ วัน
พี่น้อง หัวใจของพระ ไม่เหมือนหัวใจของมนุษย์ เราจะเข้าถึงพระทัยของพระเจ้าได้ ด้วยการรำพึงถึงหัวใจพระที่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์บ่อยๆ พระวรสารวันนี้บรรยายความรักของพระเจ้าได้อย่างน่าประทับใจ สะท้อนให้เรารับรู้พระทัยของพระเจ้าที่เปี่ยมด้วยความรักและเมตตา พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงหาอาหารให้เขากินเถิด” อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้คนเรามีชีวิตอยู่ได้ จึงไม่แปลกที่ระองค์จะทรงมอบชีวิต ทั้งเลือดและเนื้อให้เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณให้กับเรา พี่น้อง เพราะการกระทำ เราจึงเชื่อว่า “รักแท้ คืออะไร” เพราะการกระทำช่วยให้ความรักในหัวใจของเราเด่นชัดขึ้นเสมอ พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” เช่นเดียวกัน ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”
ดังนั้น ทุกครั้งที่เรากินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ เราก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และประกาศว่าพระองค์ยังทรงอยู่ และ อยู่เพื่อเลี้ยงดูเรา และจะเลี้ยงดูเราเสมอจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา…
พี่น้อง จงมีความเชื่อ และ กล้าหาญเถิด….