คำสอนผู้ใหญ่ของทางวัดได้เริ่มขึ้นแล้ว ปีนี้มีผู้ที่สนใจสมัครเรียนคำสอนจำนวนมากพอสมควร และแม้ว่าจะเริ่มแล้วแต่หากมีผู้สนใจก็ยังเปิดรับอยู่ การสอนคำสอนเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อผู้เรียนจะได้รู้จักพระเจ้าและมีความเชื่อ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ทางสติปัญญา แต่เป็นความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ของแต่ละคนที่จะได้พบพระเจ้า ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นและพร้อมจะติดตามพระองค์ตลอดไป สัปดาห์ที่แล้ว ช่วงเวลาที่ให้ผู้เรียนคำสอนไตร่ตรอง ได้ให้ผู้เรียนทุกคนลองคิดดูว่า หากจะสามารถถามคำถามพระเจ้าได้ จะถามว่าอะไร ในกลุ่มมีบางท่าน ได้ตั้งคำถามว่า อยากจะรู้ว่าอนาคตของชีวิตจะเป็นอย่างไร เป็นคำถามที่สะท้อนให้เห็นว่ามีผู้คนที่กำลังแสวงหาความจริง กำลังค้นหาคำตอบถึงสาระสำคัญของชีวิต กระบวนการเรียนคำสอนจะช่วยให้ข้อสงสัยเหล่านั้นได้พบคำตอบโดยตัวผู้เรียนเอง มีคำอธิบายให้พอเข้าใจได้บ้างในเบื้องต้น เป็นการเริ่มก้าวเดินตามพระเจ้า ที่จะทรงนำทางและเปิดเผยให้พวกเขาได้รู้จักและติดตามพระองค์ตลอดไป
อาสนวิหารอัสสัมชัญ ได้รับโอกาสอันภาคภูมิใจที่ได้จัดการต้อนรับสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงนำข้าราชการและนักเรียนนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าทัศนศึกษา ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ ในหัวข้อ “ประวัติศาสตร์พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกในไทยและอาสนวิหารอัสสัมชัญ” ในวันอังคารที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากทรงรับฟังการบรรยายสรุป ได้ทรงทอดพระเนตรนิทรรศการ ซึ่งหอจดหมายเหตุอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯได้จัดแสดง ประกอบด้วย ประวัติวัดอัสสัมชัญ เอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชุมชนคริสตชนอัสสัมชัญ บัญชีศีลล้างบาป สมุดบันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่หอจดหมายเหตุเก็บรวบรวมไว้ นอกจากนี้ยังมีเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนจักรในประเทศไทย ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการสร้างวัดอัสสัมชัญและรวมถึงที่มาของการก่อตั้งวัดอัสสัมชัญเมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว
วัดอัสสัมชัญหลังแรกสร้างขึ้นในสมัยพระคุณเจ้าฟลอรังส์ เพื่อเป็นเกียรติแด่พระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ลงมือก่อสร้างในปี ค.ศ. 1820 ได้มีพิธีเสกอย่างสง่าในวันฉลองแม่พระลูกประคำปี ค.ศ. 1822 ตั้งแต่นั้นมา วัดอัสสัมชัญได้เป็นที่พักของบรรดาพระสังฆราชประมุขของมิสซัง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1906 จากรายงานที่พระคุณเจ้าแปร์รอสได้บันทึกไว้ “วัดอัสสัมชัญหลังเก่าไม่สามารถบรรจุสัตบุรุษได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ ตอนนี้กำลังวางรากฐานสร้างวัดหลังใหม่อยู่…” ได้มีพิธีเสกศิลาฤกษ์ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1910 การก่อสร้างวัดหลังนี้ใช้เวลายาวนาน ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยในปี ค.ศ. 1918 และในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1919 โอกาสสมโภชแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ได้มีพิธีเสกโดยพระสังฆราชแปร์รอส มอบถวายอาสนวิหารนี้เป็นวิหารของแม่พระ ความงดงามของอาสนวิหารอัสสัมชัญนำความประทับใจให้กับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมเยือนเสมอ ได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อคราวที่มีอายุครบ 100 ปีทำการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม เพิ่มความแข็งแรงทนทาน โดยยังคงเน้นรักษาความงดงามตามแบบเดิมมากที่สุด
ความงดงามของวัดอัสสัมชัญ ทำให้มีพี่น้องคริสตชนปรารถนาอยากจะได้ทำพิธีแต่งงานที่นี่ คู่แต่งงานเหล่านั้นก็มาจากที่ต่างๆ ต่างจังหวัดก็มีบ้าง พวกเขาอยากเริ่มต้นชีวิตครอบครัวในวัดแม่พระแห่งนี้ วัดอัสสัมชัญจึงเป็นส่วนสำคัญและความประทับใจ แต่อยากให้พี่น้องได้มองในมิติที่ลึกซึ้งกว่าความสวยงามภายนอก วัดอัสสัมชัญต้องการนำพาทุกคนให้พบกับพระเจ้า สำหรับพี่น้องต่างความเชื่ออาจจะรู้สึกยินดีอิ่มเอมใจและประทับใจความงดงามแต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมาย ได้รับความประทับใจเก็บเป็นภาพถ่ายไว้ดูภายหลัง สำหรับพวกเรา สถานที่แห่งนี้ นำพาชีวิตจิตใจของเราได้พบกับพระเจ้า เพื่อวอนขอพระพรและขอความช่วยเหลือจากพระองค์
วัดอัสสัมชัญยังไม่ได้เปิดเหมือนอาคารสาธารณะทั่วไป ที่ใครจะเข้ามาเยี่ยมชมเมื่อไหร่ก็ได้โดยปกติก็จะเปิดเฉพาะช่วงเวลาที่มีการประกอบพิธีกรรม บางครั้งก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชม รวมทั้งหากมีพี่น้องท่านใดมีเพื่อนหรือญาติที่อยากจะพามาชมวัดอัสสัมชัญ ก็สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลวัด ซึ่งยินดีที่จะอำนวยความสะดวกเปิดให้เข้าชมภายในได้.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์