วันอาทิตย์แรกของเดือนจะมีพิธีศีลล้างบาปให้กับเด็ก เด็กในความหมายตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งอายุประมาณ 7-8 ขวบ ที่วัดอัสสัมชัญกำหนดให้มีพิธีโปรดศีลล้างบาปให้กับเด็กๆ พิธีโปรดศีลล้างบาปจัดขึ้นในระหว่างมิสซาเพื่อทุกคนจะได้ร่วมแสดงความเชื่อและความยินดีกับครอบครัวของผู้รับศีลล้างบาป ที่วัดของเราจะมีผู้มาขอรับศีลล้างบาปเสมอ จะเว้นระยะไปบ้างช่วงที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พี่น้องที่เคยมีความตั้งใจจะพาลูกหลานมารับศีลล้างบาป แต่มาไม่ได้ในช่วงเวลานั้น มาถึงวันนี้ สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว ขอพี่น้องได้จัดเวลาที่จะพาลูกหลานเด็กๆมารับศีลล้างบาป ตามที่เคยได้ตั้งใจไว้
ย้อนกลับไปในวันที่พี่น้องได้รับการอบรมเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน พระศาสนจักรเรียกร้องบรรดาคริสตชนทุกคนเมื่อเข้าสู่ชีวิตแต่งงานมีครอบครัวได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะพยายามเอาใจใส่ให้ลูกที่เกิดมาได้รับศีลล้างบาป และเราก็มีธรรมเนียมการโปรดศีลล้างบาปให้กับเด็กๆตั้งแต่อยู่ในวัยทารก เป็นความเชื่อของผู้เป็นพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ รวมทั้งพ่อแม่อุปถัมภ์และพี่น้องคริสตชนทุกคน ที่อยู่ร่วมในพิธีศีลล้างบาป ได้แสดงความเชื่อในพระเจ้า แทนเด็กที่จะรับศีลล้างบาป ซึ่งในภายหลังเขาจะเติบโตขึ้น มีโอกาสได้เรียนรู้และมีความเชื่อด้วยตัวของเขาเอง การโปรดศีลล้างบาปให้เด็กตั้งแต่เป็นทารกจนกระทั่งเขาเข้าสู่วัยที่โตพอจะเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าและมีความเชื่อด้วยตัวเองซึ่งมักจะเรียกผู้ที่อยู่ในวัยนี้ว่ามีอายุรู้ความ หมายความว่าเขาโตพอจะแยกแยะเรียนรู้ว่าอะไรถูกต้องอะไรเป็นบาป สำหรับทารกและเด็กเล็กเขาจะรับศีลล้างบาปด้วยความเชื่อของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ซึ่งต่อมาที่จะช่วยกันดูแล อบรมสั่งสอนเขาด้วยแบบอย่าง นำพาพวกเขามาวัด ค่อยๆให้พวกเขาซึมซับเรื่องราวที่จะกลายเป็นความเชื่อในชีวิตต่อไป สำหรับเด็กที่โตจนถึงอายุรู้ความ ปกติมักจะกำหนดว่าเด็กที่เรียนอยู่ในชั้นป. 2 หรือ บางโรงเรียน ป. 3 เด็กๆเหล่านี้จะเรียนคำสอนเพื่อเตรียมตัวรับศีลมหาสนิทครั้งแรก พวกเขาโตพอที่จะเรียนรู้ มีความเชื่อมั่นว่าพระเยซูเจ้าทรงประทับใจในศีลมหาสนิท จะเรียนรู้เรื่องมโนธรรม อะไรเป็นบาป อะไรเป็นความผิด รู้จักการรับศีลอภัยบาป เนื่องจากการรับศีลมหาสนิทเรียกร้องผู้ที่จะรับศีลจะต้องมีจิตใจบริสุทธิ์ ซึ่งความบริสุทธิ์นั้นเป็นพระเมตตาของพระเจ้าที่ประทานให้ผ่านทางศีลอภัยบาป การเตรียมตัวเพื่อรับศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาปจึงควบคู่กัน เด็กที่โตแล้วเขาจะเรียนคำสอนก่อน เพราะว่าหลังจากที่รับศีลล้างบาปแล้ว เขาจะได้รับศีลมหาสนิท พร้อมกับศีลอภัยบาป ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของการเริ่มต้นชีวิตคริสตชน
พ่อแม่คือครูคำสอนคนแรกที่สำคัญของลูก บางท่านอาจจะคิดว่าการสอนคำสอน สอนความเชื่อเป็นหน้าที่เฉพาะของบรรดาพระสงฆ์ นักบวชหรือครูคำสอน ซึ่งอาจจะถูกเพียงส่วนเดียว บรรดาพระสงฆ์และนักบวชมีหน้าที่เอาใจใส่ดูแลรับผิดชอบ เด็กๆของตนให้มีโอกาสเรียนคำสอนตามวัยของเขา แต่ก็ยังมีส่วนที่สำคัญก็คือตัวของผู้เป็นบิดามารดา ที่จะต้องเป็นครูคำสอนคนแรกของลูก สอนลูกให้มีความเชื่อพื้นฐานเบื้องต้น สอนด้วยแบบอย่างและการปฏิบัติ สอนด้วยการนำพวกเขาสวดภาวนา ยุคสมัยที่ผ่านมาเด็กๆที่เป็นลูกหลานคริสตชนโดยส่วนใหญ่ ก็จะเรียนในโรงเรียนคาทอลิก ทางโรงเรียนจะจัดการทุกอย่างให้ ได้เรียนคำสอน ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แต่ก็คงจะมีเด็กๆบางคนที่ไม่ได้เรียนในระบบโรงเรียนคาทอลิก พวกเขาเหล่านั้นจึงไม่มีโอกาสเรียนคำสอน ไม่มีโอกาสรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆตามวัยของเขา และก็อาจจะมีบางคนที่ยังไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆด้วย
มาในยุคปัจจุบัน ที่ระบบการศึกษามีทางเลือกมากมาย เด็กๆจะเรียนในระบบและแนวทางที่พ่อแม่เป็นผู้กำหนดวางแผนให้ ก็ขอฝากถึงพ่อแม่ทุกท่านได้ให้ความสำคัญกับการสอนลูกในเรื่องความเชื่อ นำพาและสอนพวกเราให้รู้จักพระเจ้า วันอาทิตย์พาเข้ามาวัด เป็นการสอนคำสอนเบื้องต้น เตรียมตัวพวกเขาเพื่อการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ ทางวัดอาจจะมีช่วงเวลาจัดให้มีการเรียนการสอนในระหว่างปิดภาคเรียน แต่ถ้าหากพี่น้องท่านใดไม่สะดวกอย่างไร ก็ขอได้มาปรึกษากับบรรดาพระสงฆ์เพื่อจัดให้เด็กๆจะได้มีโอกาสรับศีลศักดิ์สิทธ์ต่างๆต่อไป
ในกลุ่มผู้เรียนคำสอนวันอาทิตย์ มีบางคนที่ได้รับศีลล้างบาปแล้ว แต่ก็ได้สมัครมานั่งเรียนคำสอน เขารู้สึกว่าอยากเรียนคำสอน อยากรู้จักพระเจ้ามากขึ้น อันที่จริงพวกเราที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนก็เพราะเราได้รับศีลล้างบาป บางคนตั้งแต่ช่วงที่เราเป็นเด็ก ก็ไม่มีโอกาสเรียนคำสอน และหากมองย้อนไปในช่วงที่เราทุกคนเป็นเด็ก เราเรียนคำสอนน้อยมาก เรามีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าน้อย เราอ่านพระคัมภีร์น้อย เมื่อเทียบกับผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายอื่นๆ ที่เอาจริงเอาจังกับการศึกษาพระคัมภีร์ มากกว่าพวกเราคาทอลิก ปัจจุบันเรามีสื่อออนไลน์ที่เป็นของคาทอลิก เพื่อให้พี่น้องและผู้สนใจได้ติดตามเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่หากมีพี่น้องบางท่านที่อยากจะมานั่งเรียนคำสอนพร้อมกับเพื่อน ก็จะเป็นโอกาสได้พูดคุย ซักถามแบ่งปันซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจลึกซึ้งและเป็นการแบ่งปันเรื่องราวที่มีคุณค่ากับเพื่อนๆด้วย.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์