ในช่วง 2, 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเราอยู่ในช่วงที่มีฝนตกชุก ตกมากและถี่ขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตปกติประจำวัน พวกเราต่างรู้ดีว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เรียกว่าฤดูฝน ในอดีตหลายๆปีที่ผ่านมาก็มีบางปีที่มีฝนมากและฝนน้อย รวมทั้งมีประสบการณ์ฝนตก รถติด น้ำท่วมถนนหนทาง ซึ่งนำความยากลำบาก ไม่สะดวกสบายมาสู้ชีวิต ในช่วงเวลานี้ อาจมีผลกระทบมากกว่าปีที่ผ่านๆมา ซึ่งมีเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติ ที่ใหญ่เกินกว่าที่เราจะคาดคิดและควบคุมได้ มนุษย์เราเป็นเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งที่อยู่ในธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และก็เป็นมนุษย์เองที่เป็นสาเหตุทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป การใช้พลังงานอย่างมากมาย การทำลายระบบนิเวศทำให้โลกร้อนขึ้น และธรรมชาติก็กำลังปรับสภาพให้เกิดความสมดุลในตัวเอง
หลายปีมาแล้วที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้พูดถึงเรื่องการเอาใจใส่ธรรมชาติในเอกสารที่ชื่อว่า เลาดาโต ซี ซึ่งเมื่อเอกสารนี้ออกมา ช่วงเวลานั้นพวกเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสมเด็จพระสันตะปาปาถึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการเอาใจใส่ดูแลธรรมชาติของพระเจ้า พอมาถึงวันนี้ เราต่างก็ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ทำให้คิดถึงเรื่องราวที่พระองค์เคยพูดเคยสอนไว้ แม้ว่าเราจะเป็นส่วนประกอบที่เล็กมากในธรรมชาติ แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญที่จะต้องช่วยกันฟื้นฟูดูแลธรรมชาติในส่วนของตนเองที่ต้องรับผิดชอบอย่างจริงจังมากขึ้น
ในสถานการณ์ที่ทุกคนต่างต้องเผชิญฝนตก รถติด การเดินทางที่ไม่สะดวก การติดตามข่าวที่รายงานให้ทราบสถานการณ์น้ำในสถานที่ต่างๆ บางคนยอมรับเหตุการณ์ด้วยความเข้าใจ บางคนยอมรับไม่ได้และมองหาคนที่จะต้องมารับผิดชอบ มาช่วยแก้ไขปัญหาให้ ส่วนตัวของพ่อเองก็เคยมีประสบการณ์อยู่กับน้ำท่วม คราวที่ทำหน้าที่อยู่ที่วัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร บางเชือกหนังเวลานั้นวัดหลังเก่าอยู่ริมคลอง ทุกๆปีในช่วงฤดูฝน จะต้องอยู่กับสภาพน้ำท่วมบริเวณวัดและโรงเรียนประมาณ 2 เดือน ทุกคนต่างเข้าใจสถานการณ์ดี พอถึงเวลาน้ำมา ก็ช่วยกันทำสะพานจัดเก็บข้าวของให้พ้นน้ำ ชาวบ้านละแวกนั้นก็คุ้นเคยกับสภาพที่เป็นอยู่แบบนั้น ปรับตัวให้เข้ากับสภาพนั้น สำหรับพวกเราปีนี้ฤดูฝนยังไม่จบ และยังไม่รู้ว่าจะมีฝนตกต่อไปมากน้อยเพียงใด รวมถึงน้ำจากแม่น้ำจะสูงขึ้นอีก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบถึงบ้านพักอาศัยของพี่น้อง คงจะต้องคิดวางแผนไว้บ้าง หากมีน้ำมาก เราจะหาทางกั้นไม่ให้น้ำเข้าบ้านได้อย่างไร หรือหากมีน้ำเข้ามาในบริเวณบ้านจะมีวิธีการสูบน้ำออกอย่างไร บางทีเราไม่สามารถกันน้ำได้ 100% อาจจะมีซึมเข้ามาบ้าง ก็หาทางเตรียมเครื่องสูบน้ำสำหรับยามจำเป็น
เรื่องราวในพระวรสารจากมิสซาในวันนี้ พระเยซูเจ้าสอนให้เราเป็นผู้จัดการที่ดี ซึ่งพระองค์ได้ยกตัวอย่างวิธีการของผู้จัดการที่มองเหตุการณ์ล่วงหน้า วางแผนเตรียมการเพื่อชีวิตในอนาคต ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงชื่นชมในความฉลาดของเขา พระองค์ยังบอกอีกว่า ให้ใช้ทรัพย์สินเงินทองของโลกนี้เพื่อสร้างมิตรให้ตนเอง ท่านจะได้รับการต้อนรับเข้าสู่ชีวิตนิรันดร พระองค์ทรงสอนพวกเราให้คิดเหมือนผู้จัดการคนนั้น บอกให้รู้ว่าเราไม่ได้มีเพียงชีวิตที่จบบนโลกนี้เท่านั้น พวกเราแต่ละคนต่างเป็นผู้จัดการที่พระเยซูเจ้าพูดถึง ความเป็นจริงก็คือไม่ค่อยมีใครคิดถึงชีวิตในโลกหน้า ยังคงคิดถึงเพียงโลกปัจจุบัน การมีชีวิต การมีความสุขบนโลกนี้ ซึ่งก็เป็นความดีงามที่พระเจ้าให้กับเราทุกคน การรักษาหวงแหนวันเวลาในชีวิต ทำให้เราเกิดความมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อใช้ชีวิตและวันเวลาทุกวันอย่างมีคุณค่า แต่ว่าในที่สุด ทุกชีวิตล้วนแต่มีจุดสิ้นสุด การมองดูอนาคตของตนเอง ดังเช่นผู้จัดการที่กล้ามองไปข้างหน้าและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต จึงเป็นสิ่งที่สามารถทำควบคู่ไปด้วยกันได้ การดำเนินชีวิตพร้อมกับการใช้ทรัพย์สินเงินทอง ทักษะ ความสามารถ เพื่อความดีงามและความสุข การสร้างสรรค์ การช่วยเหลือแบ่งปันและมอบความรักช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เป็นความสำเร็จและความสุขของชีวิต จะส่งผลนำพาไปถึงชีวิตหน้าด้วย หลายสิ่งหลายอย่างที่พี่น้อง คริสตชนประพฤติปฏิบัติ เป็นกิจการที่ดีในตัวอยู่แล้ว แต่บางทีอาจจะขาดความตั้งใจ กิจการดีที่ทำจึงเป็นไปโดยอัตโนมัติให้ผ่านๆไป หากว่าจะใส่ความสำนึก เติมความรักในจิตใจ ตั้งใจทำกิจการดีเดิมๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ดีขึ้น ผลที่เกิดขึ้นก็จะดีขึ้นอย่างมาก การเป็นผู้จัดการที่ดีที่พระเยซูเจ้าทรงคาดหวังจากพวกเราก็คือเป็นผู้จัดการที่มีจิตใจดีงามตามแบบอย่างที่พระองค์ทรงสอน…