เมื่อพี่น้องมาร่วมพิธีบูชามิสซาก็มักจะได้ยินพระสงฆ์พูดในตอนเริ่มพิธีว่าสัปดาห์นี้เป็นวันฉลอง วันสมโภชอะไร หรือบางทีก็บอกว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่เท่าไหร่ของเทศกาลธรรมดา ก็เพื่อต้องการบอกว่า เราอยู่ ณ จุดใดของปีพิธีกรรมหรือปีของพระศาสนจักร ในรอบหนึ่งปีพระศาสนจักรจะนำเรื่องราวของพระเยซูเจ้า เหตุการณ์ต่างๆในชีวิตของพระองค์ ตั้งแต่เกิดจนสิ้นพระชนม์เพื่อนำเราให้คิดคำนึงและดำเนินชีวิตไปกับเหตุการณ์ในชีวิตของพระเยซูเจ้า ได้กำหนดให้มี 2 ช่วงเวลาที่สำคัญคือการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระองค์ ที่เราเรียกว่าเทศกาลพระคริสตสมภพ และอีกช่วงหนึ่งคือการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพหรือเทศกาลปัสกา เป็น 2 เหตุการณ์ในชีวิตของพระเยซูที่มีความสำคัญ พระศาสนจักรจึงได้กำหนดเวลาเพื่อให้บรรดาสัตบุรุษได้เตรียมจิตใจก่อนการสมโภช เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า มีเวลา 4 สัปดาห์ก่อนการสมโภชพระคริสตสมภพ และเทศกาลมหาพรตมีเวลา 40 วันก่อนการสมโภชปัสกา ทั้ง 2 เหตุการณ์ การเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์และการสิ้นพระชนม์เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นความเชื่อ ความชื่นชม ความหวังของบรรดาคริสตชนทุกคน จึงมีช่วงเวลาเตรียมตัวเป็นพิเศษก่อนการสมโภชนั้น
นอกจากเหตุการณ์สำคัญทั้งสองแล้ว วันอาทิตย์ในระหว่างปี ก็จะถูกนับต่อเนื่องกัน เรียกช่วงเวลานั้นว่าเทศกาลธรรมดาหรือบางทีก็เรียกว่านอกเทศกาล ซึ่งจะมีอยู่ 34 สัปดาห์ หากจะเทียบกับปีปฏิทินสากล เทศกาลธรรมดาก็จะอยู่ในระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน เช่นในวันอาทิตย์นี้ จะเป็นสัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา ในระหว่างเทศกาลธรรมดาก็อาจจะมีวันฉลองต่างๆแทรกเข้ามาบ้าง วันฉลองแม่พระ วันฉลองนักบุญ วันฉลองศีลมหาสนิท รวมทั้งวันฉลองวัด ก็จะแทรกอยู่ในสัปดาห์ต่างๆ และในสัปดาห์หน้าก็จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีพิธีกรรม เป็นการสมโภชพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล เตือนใจเราคิดถึงช่วงเวลาที่เราทุกคนจะต้องจากโลกนี้ไปและจะอยู่ต่อหน้าพระเจ้าผู้จะเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองทุกสรรพสิ่ง
เมื่อมาร่วมบูชามิสซา ก็จะได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า เป็นบทอ่านจากพระคัมภีร์ ได้มีการกำหนดไว้ล่วงหน้าว่าสัปดาห์ไหนจะใช้พระวาจาตอนใด หากเป็นวันธรรมดาคือวันจันทร์ถึงวันเสาร์ก็จะแบ่งเป็น 2 ชุดสลับกัน สำหรับปีที่ลงท้ายด้วยเลขคี่และเลขคู่ ส่วนวันอาทิตย์ก็จะมีบทอ่าน บทภาวนา 3 ชุด ใช้หมุนเวียนสลับกันไป
สัปดาห์ที่แล้วพ่อมีโอกาสร่วมในกลุ่มผู้เรียนคำสอน มีการพูดคุยสอบถามถึงเรื่องเหล่านี้ การเรียนคำสอนเมื่อเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีโอกาสได้ซักถามและได้คำตอบเพื่อช่วยให้เข้าใจชัดเจน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่า พี่น้องคริสตชนหลายท่านมีเวลาเรียนคำสอนน้อย ผู้เรียนคำสอนบางคนเคยถูกชักชวนให้เป็นคริสเตียน พวกเขามีการสอนกันอย่างจริงจังและมีการติดตามใกล้ชิด สำหรับพี่น้องที่เรียกว่าคริสตังค์นอน ได้รับศีลล้างบาปตั้งแต่เป็นเด็กทารกหรือยังนอนอยู่ในแขนของพ่อแม่ ล้างบาปตั้งแต่เกิด เมื่อโตขึ้นมาถึงวัยที่จะรับศีลมหาสนิทครั้งแรก ก็จะมีเวลาเรียนคำสอนอย่างจริงจัง หากอยู่ในระบบโรงเรียนคาทอลิก ครูคำสอนก็จะเข้มงวดเอาใจใส่มากเป็นพิเศษเตรียมตัวให้มีความรู้ ความเชื่อ เพื่อรับศีลมหาสนิท ซึ่งจะได้รับศีลอภัยบาปควบคู่ไปด้วย ส่วนเด็กที่ไม่ได้เรียนในโรงเรียนคาทอลิกก็จะไม่มีโอกาสเรียนคำสอน การอบรมสั่งสอน แนะนำความเชื่อจึงมาจากผู้ปกครองพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ที่จะพาเด็กๆมาวัด จนถึงวัยรับศีลฯ ก็จะมีโอกาสเตรียมตัวรับศีลฯ ซึ่งใช้เวลาสั้นมากไม่กี่สัปดาห์ เพื่อจะได้รับศีลฯ และหลังจากที่โตพอจะรับศีลกำลัง ก็จะมีโอกาสเรียนการสอนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเตรียมตัวเพื่อรับศีลกำลัง และดูเหมือนการเรียนการสอนก็จบลง เหลือเพียงการเรียนคำสอนทางอ้อมจากการมาร่วมพิธีมิสซา ได้ฟังบทเทศน์ คำอธิบายหรืออาจจะได้ความรู้เพิ่มเติมจากการค้นคว้าผ่านสื่อต่างๆ พี่น้องคนใดที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ครอบครัวมีความเชื่อศรัทธา ก็จะได้รับการปลูกฝังและถ่ายทอดความเชื่อความศรัทธา ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบนี้
ถ้ามองไปยังครอบครัวของพี่น้อง โดยเฉพาะผู้ที่แต่งงานเริ่มต้นสร้างครอบครัว พวกเขาถูกท้าทายโลกปัจจุบันอย่างมาก ที่จะดำรงสถานะครอบครัวให้มีความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้า และการอบรมสั่งสอนเอาใจใส่ลูกๆ ขณะที่เรายังมีครอบครัวคริสตชนที่มีเรื่องราวดีๆ ที่เป็นความประทับใจให้เห็นอยู่เสมอ เราเห็นหลายๆครอบครัวพาลูกมารับศีลล้างบาป เป็นความชื่นชมยินดีของพ่อแม่ญาติพี่น้องและชุมชนที่ร่วมแสดงความเชื่อพร้อมกับเด็กที่ได้รับศีลล้างบาป เป็นการยืนยันความเชื่อที่ชัดเจน.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์