พระวาจาของพระเจ้าจากพระวรสารที่เราได้ฟังในมิสซาช่วงที่ผ่านมาได้พูดถึงสวนองุ่น เป็นการเปรียบเทียบที่พระเยซูเจ้าต้องการสอนถึงเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า ให้พระธรรมกล่าวได้บรรยายถึงความเอาใจใส่ของเจ้าของสวน ที่ได้ลงทุนดูแลตระเตรียมพื้นดิน เก็บหินออก เพื่อช่วยให้ต้นองุ่นได้เติบโตและให้ผลผลิตที่ดี ธรรมชาติของต้นองุ่นจะมีช่วงเวลาที่องุ่นสุก ซึ่งจะมีเวลาเพียงช่วงสั้นๆเพื่อการเก็บเกี่ยว เรื่องราวในพระวรสารเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พูดถึงเจ้าของสวนได้ออกไปว่าจ้างคนงาน เพื่อมาทำงานเก็บองุ่นในสวน เป็นการจ้างทุกคนพบตั้งแต่เช้า สาย บ่าย เที่ยง และเย็น ให้เข้าไปทำงานในสวนองุ่น ตอนเย็นก็ได้รับค่าตอบแทน จะทำมาก ทำน้อย ทำเต็มที่หรือไม่ ทุกคนต่างก็ได้รับค่าแรงเท่ากัน เป็นความใจดีของเจ้าของสวน และในสัปดาห์ที่แล้ว ในพระวรสารก็ได้พูดถึงลูกชาย 2 คนของเจ้าของสวนที่พ่อได้บอกให้เข้าไปทำงานในสวนองุ่น ลูกคนแรกบอกว่าไม่พร้อม แต่ที่สุดก็เปลี่ยนใจและเข้าไปทำงานในสวนองุ่น ส่วนลูกอีกคน ทีแรกก็ดูเหมือนว่าเต็มใจ รับปากกับพ่อว่าจะเข้าไปทำงาน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่ได้เข้าไปทำงานตามที่ได้บอกพ่อไว้
สำหรับวันนี้ พระวรสารได้พูดถึงสวนองุ่นอีก แต่ครั้งนี้ เจ้าของสวนได้ปลูกองุ่น และได้ให้คนมาเช่าเพื่อดูแลและเก็บผลประโยชน์ เพียงแต่จะต้องจ่ายค่าเช่าเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ซึ่งคนเช่าก็มีความคิดไม่ซื่อสัตย์ และอยากจะได้ผลประโยชน์จากสวนองุ่นเต็มที่ เห็นได้จากพฤติกรรมของเขาที่ได้กระทำต่อผู้รับใช้ ที่เจ้าของสวนส่งมาเพื่อเก็บค่าเช่าและรับส่วนแบ่งจากผลผลิต คนเช่าสวนได้ทุบตี ขับไล่ และได้ทำร้ายผู้รับใช้เหล่านั้น ได้กระทำรุนแรงต่อผู้รับใช้ทุกคน ที่เจ้าของสวนส่งมา ในที่สุด เจ้าของสวนจึงได้ส่งลูกชายของตนเองมา เมื่อคนเช่าเห็นก็จับลูกชายของเจ้าของสวนฆ่า โดยคิดว่า คนนี้เป็นทายาทก็จะได้รับสวนนี้เป็นมรดก ส่วนเจ้าของสวนอีกไม่นานก็จะจบชีวิตและในเวลานั้นพวกเขาก็จะยึดสวนองุ่นนั้นมาเป็นของตน แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเจ้าของสวนได้มา และยึดคืนทั้งหมด
พระเยซูเจ้าทรงต้องการสอนเราด้วยเรื่องเปรียบเทียบนี้ พระเจ้าทรงสร้างสวนองุ่นขึ้น พระองค์ให้เราได้เข้ามาใช้ได้ผลประโยชน์จากสวนองุ่นนี้ เราทุกคนเป็นเพียงคนเช่าสวน เพื่อจะให้องุ่นในสวนเกิดผล เราต้องดูแลรดน้ำ เอาใจใส่ต้นองุ่น เพื่อให้เกิดผล ยิ่งเกิดผลมาก เราก็ยิ่งได้รับประโยชน์มาก แต่ต้องไม่ลืมว่าสวนองุ่นไม่ใช่ของเรา เราจะต้องคืนส่วนที่เป็นค่าเช่าให้กับเจ้าของสวน ตามสัดส่วนและตรงเวลา คนเช่าก็คือคนที่ได้รับผลประโยชน์บางอย่าง และต้องส่งมอบค่าเช่า ในที่สุดแล้วก็ต้องจากไปและคืนสวนนั้นให้กับเจ้าของ
พระเป็นเจ้าซึ่งเป็นเจ้าของสวนองุ่น ยังคงเฝ้าดูแล ติดตาม สวนองุ่นและผู้เช่าอยู่เสมอ พระองค์ไม่ได้ปล่อยให้คนเช่าทำอะไรก็ได้ สวนองุ่นของพระคือวันเวลาในชีวิตของเรา ที่เราได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ทักษะต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ต่างๆในชีวิตที่เราได้รับ ไม่ว่าจะเป็น ความร่ำรวย ชื่อเสียง สุขภาพ ความภาคภูมิใจ แต่อย่าลืมที่สุดแล้วเราก็ต้องคืนชีวิตและเวลาให้กับพระเจ้า เพราะทั้งหมดที่ได้และมีอยู่ในชีวิตของเราล้วนมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงอยู่เบื้องหลังของทุกสิ่งทุกอย่าง เราเป็นเพียงผู้ที่ผ่านมาอยู่กับเวลาและชีวิตที่มีอยู่แล้วก็จะจากไป.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์