วันอาทิตย์นี้ พระศาสนจักรกำหนดให้เป็นวันแพร่ธรรมสากล เพื่อบรรดาคริสตชนสมาชิกของพระศาสนจักร จะได้ตระหนักถึงงานแพร่ธรรม ด้วยการวอนขอพรจากพระเจ้าในพิธีบูชามิสซา การสวดภาวนาและการสนับสนุนด้วยการบริจาคเงินใส่ในถุงทาน เป็นการรวมพลังของบรรดาคริสตชนทุกคนเพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือกิจการงานแพร่ธรรมให้บรรลุเป้าหมาย การแพร่ธรรมคือพันธกิจที่พระเยซูเจ้าทรงเริ่มและส่งต่อโดยมอบให้บรรดาอัครสาวกได้กระทำต่อมา เพื่อนำความรอดพ้นมาสู่ประชากรของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนได้เข้าอยู่ร่วมในอาณาจักรของพระองค์
การแพร่ธรรมมีจุดเริ่มต้นจากการที่พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ได้เทศน์สอนประชาชนให้รู้จักพระเจ้า ทรงดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างและเป็นผู้นำพามนุษย์กลับเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า ส่วนที่สำคัญอยู่ที่ตัวมนุษย์เอง ที่จะต้องตัดสินใจเลือกเพื่อดำเนินชีวิตติดตามพระองค์ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์ ทรงให้ชีวิตเป็นแบบอย่าง ทรงสอนและเรียกร้องให้ทุกคนได้ติดตามและปฏิบัติตาม ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงดำเนินบนโลก ได้ทรงพบปะผู้คน บอกเล่าเรื่องราวให้ผู้คนได้รู้จักพระเจ้า และเมื่อพระองค์เสด็จกลับสู่สวรรค์ ได้ทรงมอบหมายให้บรรดาสาวกสานต่อพันธกิจ ได้ตั้งพระศาสนจักรให้รับช่วงงานนี้ต่อมา
เพื่อทำให้บรรลุเป้าหมาย ที่จะนำผู้คนทุกคนเข้าอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ มีคนที่พร้อมจะทำพันธกิจประกาศข่าวดีของพระองค์อยู่บ้าง แต่ก็ยังทรงต้องการคนร่วมงานอีกมาก ต้องการอาสาสมัคร ต้องการคนที่พร้อมเพื่อมาร่วมงานของพระองค์
“ใจที่เราร้อนเป็นไฟ เท้าจะต้องก้าวเดินไป” เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับศิษย์สองคนขณะที่เขากำลังเดินทางกลับไปเอมมาอูส เป็นข้อความที่พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงนำมาเตือนใจในวันแพร่ธรรมสากลปีนี้ ประโยคนี้เองที่ได้แสดงถึงความห่วงใยใกล้ชิดที่พระเยซูเจ้ามีต่อศิษย์ทั้งสองคน เขากำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวังและหวาดกลัว ไม่กล้าเปิดเผยตัวเอง อยากจะหลบหนีและกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาเดินร่วมทางกับเขา ได้พูดคุย และได้อธิบายเรื่องราวต่างๆที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ การได้ร่วมทานอาหารด้วยกัน เป็นประสบการณ์ของเขาทั้งสองคนที่ได้พบกับพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพ ซึ่งเป็นพลัง เป็นความยินดีและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
“ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ” ของศิษย์ทั้งสองคนเกิดขึ้นจากประสบการณ์ได้พบกับพระเยซูเจ้า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของศิษย์ทั้งสอง มาจากการมีประสบการณ์พบพระเจ้า และสำหรับพวกเรา เมื่อร่วมพิธีบูชามิสซาก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตที่ได้พบพระเยซูเจ้า พระองค์ไม่ได้เสด็จมาร่วมทางศิษย์ที่เอมมาอูสเท่านั้น แต่ยังคงร่วมเดินทางและเป็นประสบการณ์ชีวิตของคริสตชนทุกคน การตระหนักว่าได้พบกับพระเจ้า ก็จะทำให้มีจิตใจเร่าร้อนและพร้อมจะก้าวเดินไปเหมือนกับศิษย์ทั้งสองคนนั้น
“เท้าที่ก้าวเดินออกไป” ศิษย์ 2 คนได้ปฏิบัติทันทีหลังจากได้พบกับพระเยซูเจ้าผู้เสด็จกลับคืนชีพ เขาออกเดินทางกลับไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อบอกเล่าเรื่องราวให้บรรดาสาวกและคนอื่นๆได้ฟัง พวกเขาไม่สามารถเก็บความรู้สึกยินดีไว้ตามลำพัง แต่รู้สึกเราร้อนและอยากเล่าเรื่องราวที่เป็นความสุข ความยินดีเปี่ยมล้นในใจให้กับเพื่อนๆ ที่พวกเขากำลังอยู่ในสภาพความหวาดกลัว ความเศร้าโศก พลังที่เกิดขึ้นในจิตใจได้ผลักดันศิษย์ทั้งสองให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
พวกเรายังคงติดตามข่าวความขัดแย้งและการสู้รบในประเทศอิสราเอล ขอพี่น้องได้ร่วมใจกันสวดภาวนาเพื่อวอนขอพระเจ้าให้เกิดความสงบ การยุติความขัดแย้ง การแก้ไขปัญหาอย่างสันติ.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์