บทอ่านจากจดหมายถึงปรอบา โดยนักบุญออกัสติน พระสังฆราช
ให้เราออกกำลังภาวนาขอสิ่งที่เราต้องการ
ทำไมเมื่อเรากลัวว่า เราจะไม่ได้ภาวนาดังที่ควร เราจึงหันไปหาหลายๆสิ่ง เพื่อพบสิ่งที่เราควรจะขอ? ทำไมเราจึงไม่กล่าวตามคำในเพลงสดุดีว่า “สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าทูลขอพระเจ้า คือขอให้ข้าพเจ้าได้อาศัยอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าตลอดวันเวลาชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อจะได้ชมความงามของพระองค์ และพิจารณาพระวิสุทธิสถานของพระองค์” ณ ที่นั้นวันเวลาไม่มีการหมุนเวียน ไม่มีการจบสิ้น และชีวิต ดำเนินอยู่ในวันเหล่านั้นก็ไม่จบสิ้นเช่นกัน
เพื่อเราจะได้รับชีวิตบรมสุขนี้ องค์ชีวิตเองทรงสอนเราให้ภาวนา ไม่ใช่ด้วยคำพูดยืดยาว ประหนึ่งว่าการพูดยาวกว่าจะทำให้พระองค์สดับฟัง แท้จริง เราภาวนาขอต่อพระองค์ผู้ทรงทราบแล้วว่าเราต้องการสิ่งใดก่อนที่เราจะภาวนาขอเสียอีก ตามองค์พระผู้เป็นเจ้าเองตรัสแก่เรา
ทำไมพระองค์จึงทรงขอให้เราภาวนา เมื่อพระองค์ทรงทราบความต้องการขอ เราแล้วก่อนที่เราขอพระองค์ อาจจะทำให้เรางง ถ้าเราไม่เข้าใจว่าพระเจ้า พระเป็นเจ้าของเราไม่ทรงมีพระประสงค์ที่จะทราบสิ่งที่เราต้องการ (เพราะพระองค์ทรงล่วงรู้อยู่แล้ว) แต่ทรงมีพระประสงค์ยิ่งกว่าอีก ที่จะให้เราออกกำลังภาวนาขอสิ่งที่เราต้องการ เพื่อว่าเราจะได้สามารถรับสิ่งที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้เรา สิ่งประทานของพระองค์ยิ่งใหญ่ แต่ความสามารถที่จะรับของเรานั้นน้อยและจำกัด ฉะนั้น พระองค์จึงตรัสแก่เราว่า “จงทวีความปรารถนาของท่าน จงอย่าร่วมวงกับผู้ที่ไม่มีความเชื่อ”
ความเชื่อของเรายิ่งลึกซึ้งเพียงไร ความหวังของเราก็ยิ่งมั่นคงเพียงนั้น ความปรารถนาของเรายิ่งใหญ่เพียงไร ความสามารถที่จะรับของประทานนั้นซึ่งยิ่งใหญ่จริงๆ ก็ยิ่งจะมากขึ้นเพียงนั้น “ดวงตามองไม่เห็น” เพราะสิ่งนั้นไม่มีสี “หูฟังไม่ได้ยิน” เพราะสิ่งนั้นไม่มีเสียง “สิ่งนั้นไม่ได้เข้าในจิตใจมนุษย์” จิตใจมนุษย์ต่างหากต้องเข้าไปในสิ่งนั้น
ในความเชื่อ ความหวังและความรัก เราภาวนาเสมอด้วยความปรารถนาอัน มิรู้เหน็ดเหนื่อย อย่างไรก็ดี ตามเวลาและฤดูกาลที่เรากำหนดไว้ เราก็อธิษฐาน ภาวนาต่อพระเจ้าด้วยวาจา เพื่อว่าด้วยเครื่องหมายเหล่านี้ เราอาจเตือนตัวเองและ สังเกตการก้าวหน้าในความปรารถนาของเรา และกระตุ้นตัวเราเองให้หยั่งลึกในสิ่งนั้น ยิ่งความปรารถนาของเราร้อนรนเท่าไร ผลของความปรารถนาก็จะยิ่งเหมาะสมเท่านั้น เมื่อท่านอัครสาวกกล่าวแก่เราว่า “จงภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน” ท่านหมายถึง ปรารถนาชีวิตบรมสุขนั้น โดยไม่หยุดหย่อน ซึ่งไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากนิรันดรภาพ และวอนขอต่อพระองค์ผู้เดียวผู้ทรงสามารถประทานชีวิตนั้นแก่เรา.
คืนให้ซีซ่าร์กับวิธีโลกด้วยเงินในกระเป๋า คืนพระเจ้าด้วยความเชื่อผ่านทางสายประคำ
หนึ่งใน ค.ศ. 1962-1964 : โลกตกอยู่ในภาวะหวาดกลัวและสับสน รัสเซียพยายามสร้างความก้าวหน้าในการเปลี่ยนประเทศต่างๆ ให้เป็นลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ได้มากที่สุดภายใต้การปกครองของพวกเขา ประเทศที่ยากจนซึ่งมีรัฐบาลทุจริตอยู่ในความวุ่นวายเป็นเป้าหมายที่ง่ายดาย คิวบาเพิ่งตกเป็นของโซเวียตในปี 1960 และบราซิลก็เป็นอีกหนึ่งแผนการพิชิตให้เป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่ง เจา กูลาร์ต ประธานาธิบดีแห่งบราซิล กำลังผลักดันให้มีการปกครองในรูปแบบ คอมมิวนิสต์ แต่เนื่องจากศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกยังคงแข็งแกร่งในประเทศ พระคาร์ดินัลเดอบาร์รอส กามาราจึงบอกกับผู้คนผ่านทางรายการวิทยุรายสัปดาห์ว่า การปฏิบัติตามคำสั่งของแม่พระฟาติมาเกี่ยวกับการสวดภาวนาและการไปแก้บาป จนบราซิลสามารถโค่นล้มภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ได้ แต่ ในสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีกูลาร์ตกล่าวล้อเลียนการสายประคำ โดยกล่าวว่าการสวดสายประคำ จะม่สามารช่วยไม่ให้เศรษฐกิจล่มสลาย ตอนนี้เขาเตรียมเงินเพื่อช่วยเหลือบราซิลได้รับจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
หญิงชาวบราซิลชื่อ โดนา อเมเลีย บาสตอส กังวลอย่างมากเกี่ยวกับอันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นนี้ สามีของเธออยู่ในกลุ่มชายที่เรียกว่า Anti-Reds ซึ่งต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในบราซิล คืนหนึ่งขณะที่อเมเลียรับฟังกลุ่ม Anti-Reds พูดคุยถึงภัยคุกคามที่ประเทศอันเป็นที่รักของพวกเขาต้องเผชิญ เธอตัดสินใจว่าเธอก็สามารถทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เช่นกัน จากการตัดสินใจของเธอ เธอกล่าวว่า “จู่ๆ ฉันก็ตัดสินใจได้ว่าการเมืองมีความสำคัญเกินกว่าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ชาย ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศของเรามากกว่าพวกเราที่เป็นผู้หญิง?” เธอได้ก่อตั้งกลุ่มที่เรียกว่า Campaign of Women for Democracy (CAMDE) ขึ้นทันที และเริ่มรับสมัครคนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อสวดสายประคำเป็นกลุ่มใหญ่ เพื่อขัดขวางแผนการยึดครองของคอมมิวนิสต์ ในเมืองหนึ่งชื่อเบโลโอรีซอนตี ผู้หญิง 20,000 คนกำลังสวดสายประคำดังๆ เพื่อสลายการชุมนุมที่สนับสนุนคอมมิวนิสต์ ความสำเร็จของการประท้วงอย่างสันติเป็นแรงผลักดันให้สตรีคาทอลิกทำมากขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจากสวรรค์และอิทธิพลอันแข็งแกร่งของคาร์ดินัล เดอ บาร์รอส คามารา ดังนั้น อเมเลียได้คัดเลือกสตรีที่เข็มแข็งจำนวน 600,000 คนที่เดินขบวนในเซาเปาโลเพื่อสวดสายประคำเพื่อสันติภาพ พวกเขาเรียกการประท้วงว่า “การเดินขบวนของครอบครัวกับพระเจ้าสู่อิสรภาพ” ภายใต้คำประกาศ “พระมารดาของพระเจ้า ขอทรงปกป้องเราจากชะตากรรมและความทุกข์ทรมานของสตรีผู้พลีชีพในคิวบา โปแลนด์ ฮังการี และประเทศทาสอื่นๆ”
ลีโอน บริโซลา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ โกรธเคืองเมื่อสุนทรพจน์ที่วางแผนไว้ของเขาถูกขัดขวางด้วยแสนยานุภาพของเสียงสวดสายประคำ 3,000 สาย และเสียงพึมพำของการสวดภาวนาในห้องประชุม ผลคือ ไม่มีสักชีวิตที่สูญเสียไปในการประท้วงต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างสันติที่น่าทึ่งที่สุด มีการจัดการชุมนุมลูกประคำอีกหลายครั้งในเมืองใหญ่ๆ แม้ว่าจะมีการขู่ว่าจะใช้ปฏิบัติการทางทหารกับสตรีที่สวดก็ตาม ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นนี้ ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1964 ประธานาธิบดีกูลาร์ตได้หลบหนีออกนอกประเทศพร้อมกับสมาชิกรัฐบาลหลายคน ดังนั้นให้เราอธิษฐานสายประคำเพื่อปกป้องประเทศของเราจากการทุจริต!
ที่มา: (เลกติโอ ดิวิน่า) ( https://frtonyshomilies.com/).