ข้อคิดประจำวันอาทิตย์
ย้อนกลับไป 3-4 ปีก่อน เราคงจำได้อย่างดีเลยว่า มีโรคระบาดใหม่เกิดขึ้นในโลกของเราอย่างไม่ทันตั้งตัว ผู้คนมากมายล้มตาย เพราะไม่รู้ว่าจะรับมือกับโรคร้ายที่เข้ามาอย่างรวดเร็วนี้ได้อย่างไร ในขณะนั้น แพทย์ พยาบาล ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้การรักษา ตอนนั้นก็มีการคิดค้นวัคซีนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมุ่งควบคุมโรค โรงพยาบาลต่างๆ ก็ให้ข้อมูลกับประชาชนในการดูแลตัวเองเบื้องต้นเพื่อป้องกันไม่ให้การระบาดของโรคลุกลาม กว่าจะถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตเพราะโรคร้ายดังกล่าว พ่อยกตัวอย่างเรื่องโรคระบาด เพราะเป็นเรื่องที่เราทุกคนสามารถเห็นภาพปรากฎได้อย่างชัดเจน และเราต่างก็ได้ร่วมเผชิญปัญหาดังกล่าวด้วยตัวเราเองด้วย จนถึงกับต้องยอมรับว่า มาจนถึงวันนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ กับการใช้ชีวิต เรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับพระวรสารวันนี้?
พี่น้องครับ ในวันที่พระองค์ทรงอยู่กับประชาชน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระองค์ทรงทำหน้าที่ประดุจแพทย์ พยาบาลให้การรักษา และยังทรงเป็นเหมือนวัคซีนป้องกันโรคภัยให้กับผู้คนมากมาย ใครก็ตามที่ประสบปัญหา และมาพึ่งพระองค์ ต่างก็ได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้น ….คนป่วยไข้ได้รับการรักษา คนง่อยเดินได้ คนตาบอดมองเห็น คนใบ้กลับพูดได้ใหม่อีกครั้ง หญิงโสเภณีได้รับการอภัย ไม่ถูกหินขว้างตามธรรมเนียม แม้แต่โจรที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ เมื่อกลับใจก็ได้เข้าสู่สวรรค์ ฯลฯ
พี่น้องที่รัก เราปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่า ช่วงเวลาที่ทรงดำรงอยู่ในโลก ทรงเป็นเถาองุ่นที่ให้ผลชั้นเลิศแก่ผู้คนที่ลิ้มชิมและสัมผัส ทุกคนที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ย่อมเป็นสุข…แต่ในวันนี้ วันที่พระองค์ไม่ได้อยู่กับเราในความเป็นมนุษย์อีกแล้ว ทรงสิ้นพระชนม์ แม้จะทรงกลับคืนพระชนมชีพ แต่อีกไม่นานจะทรงเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ยังทรงห่วงใยเรา เมื่อไม่มีพระองค์ทรงอยู่แบบนี้แล้ว เรามนุษย์จำเป็นต้องพึ่งพาพระองค์ แล้วเราจะพึ่งพาพระองค์ได้อย่างไร ดังนี้เอง จึงทรงย้ำเตือนเราว่า
“…จงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย…”
พี่น้องครับ ชีวิตที่ปราศจากองค์พระเยซูเจ้าเป็นเหมือนร่างกายที่โลหิตไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างคล่องตัว เราอาจจะยังมีชีวิต แต่ไม่มีชีวิตชีวา เราอาจจะยังไม่ตาย แต่ส่วนหนึ่งส่วนใดของเราอาจจะกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ไร้สมรรถภาพที่จะดำรงอยู่อย่างมีความสุขและมีคุณภาพได้ แล้วเราจะดำรงอยู่กับพระองค์ได้อย่างไร?
ดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับสานุศิษย์ของพระองค์ ….
ประการแรก กลับใจ เช่นเดียวกับที่เซาโล กลับใจหลังจากได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าระหว่างทาง และองค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับท่าน
เราจงกลับใจทุกวัน พบพระเจ้าระหว่างทางในขณะที่เรากำลังเดินทางแห่งชีวิตของเราอยู่ ฟังว่าพระองค์ตรัสอะไรกับเราทางพระวาจาประจำวัน และกล้าหาญที่จะยืนยันสิ่งที่พระองค์ทรงสอน ด้วยการดำเนินชีวิตอย่างมีมานะอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
ประการที่สอง เข้ามาร่วมงานเลี้ยง นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับพระองค์ เข้ามารับพระกาย และพระโลหิตของพระองค์บ่อยๆ ในบูชามิสซาทุกวัน(ถ้าเป็นไปได้) หรืออย่างน้อย อาทิตย์ละ 1 ครั้ง อย่าละเลยคำเชิญชวนของพระเจ้า “…เชิญมาร่วมงาน โต๊ะอาหารพร้อมเสร็จ พระเยซูเสด็จ เชิญเราทั้งมวล เชิญมาร่วมงาน โต๊ะอาหารครบถ้วน เชิญท่านมามีส่วน ในปังชีวา…”
ประการที่สาม ฝึกจิตภาวนา รับรู้การประทับอยู่ของพระองค์ นมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและในความจริง ความจริงที่ไม่มีพระองค์ในรูปปรากฎของมนุษย์เดินดิน แต่ด้วยความจริงที่เกิดจากการสำนึกรู้ว่าทรงอยู่กับเราภายในจิตวิญญาณของเรา
ประการที่สี่ ดำรงชีวิตตามคำสั่งสอนของท่านยอห์น อัครสาวก ในบทอ่านที่สองวันนี้ “เราอย่ารักกันแต่ปาก เพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่เราจงรักกันและกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง…ให้เรารักกัน ดังที่พระองค์ทรงบัญญัติให้เรา ผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติย่อมดำรงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าทรงดำรงอยู่ในผู้นั้น เรารู้ว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา จาก ‘พระจิตเจ้า’ ซึ่งพระองค์ประทานให้เรา..” พี่น้อง อาศัยความช่วยเหลือจากพระจิตเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ก่อนกาลจนถึงปัจจุบัน พระองค์จะทรงบันดาลความเชื่อแก่เรา ช่วยเราให้เชื่อมั่นในองค์พระเยซูเจ้า พระเจ้าของเรา ช่วยเราให้เป็นกิ่งก้านที่ติดยึดกับพระองค์ผู้เป็นเถาองุ่น ให้เราวอนขอพระจิตบ่อยๆ เพื่อช่วยให้เราบังเกิดผลเป็นองุ่นชั้นเลิศสำหรับผู้คนรอบข้างในชีวิตของเรา
ขอให้พระวาจาของพระในวันนี้ ย้ำเราให้ตระหนัก เข้าใจ และนำทางชีวิตของเราเราให้ชิดสนิทกับพระองค์เสมอ พ่อขอย้ำอีกครั้งว่า
“จงอย่าลืมที่จะวอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้าช่วยเราให้บังเกิดผลเป็นองุ่นชั้นเลิศสำหรับถวายบนโต๊ะอาหารของพระองค์ในสวรรค์สักวันหนึ่งด้วยเถิด”…