เช้าวันเสาร์ ยังไม่ทันตื่นนอนเลย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นโทรศัพท์จากคุณแม่นั่นเอง “วันนี้เที่ยงพาเด็กๆมากินสะเต๊ะบ้านแม่ดีไหม”
“แต่แม่หนูรับปากพาเด็กๆไปกินร้านแม็คโดนัลแล้วล่ะแม่” แต่คุณแม่ไม่ยอมแพ้”ประหยัดเงินเถอะขับรถมาบ้านแม่เพียง 10 กว่านาทีเอง ฉันรู้สึกอึกอักเพราะรู้ดีว่าเด็กๆต้องอยากกินแฮมเบอเกอร์ มากกว่าสะเต๊ะแน่ และก็เป็นจริงตามนั้นพอเจ้าลูกชายคนโตและคนรองทราบว่าใครโทรมา และกำลังคุยเรื่องอะไรคนหนึ่งโบกมือไม่เอา อีกคนถึงขนาดพนมมือขอร้องว่าอย่าไปเลยทุกคนต่างรอคอยที่จะไปกินอาหารมื้อเที่ยงนี้ซึ่งกำหนดเพียง อาทิตย์ละครั้ง
ฉันจึงตอบแม่ไปว่า “รอพวกเราปรึกษากันก่อนแล้วค่อยโทรบอกแม่ดีไหมค่ะ” คุณแม่ตอบเศร้าๆว่า” อือแล้วแต่พวกเธอ”
พอวางหูโทรศัพท์ พวกเด็กๆชิงกันพูดว่า”แม่อย่าเบี้ยวนะก็ไหนตกลงกันว่าจะไปกินร้านแม็คโดนัลไง”
ฉันจึงบอกกับลูกๆว่า”คุณยายไม่ได้อยากให้เราไปกินสะเต๊ะหรอกเขาอยากพบหน้าพวกหนูต่างหาก”
“ก็พวกเราเพิ่งไปเยี่ยมคุณยายมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง”
ฉันทราบดีว่า เหตุผลเพียงแค่นี้คงยากที่จะทำให้เด็กๆเปลี่ยนแปลงแผนการเดิมได้ จึงบอกกับพวกเขาว่า “สักวัน แม่ก็คงแก่ คงจะโทรศัพท์มาหาพวกหนูบอกว่าวันนี้แม่ทำขนมเค้กไว้นะ พาลูกๆของหนูมากินได้ไหม ถ้าพวกหนูตอบว่าขนมเค็กกินที่ไหนก็ได้ หรือวันนี้พวกหนูไม่ว่างแม่คงเสียใจเหมือนกัน” ลูกสาววัย 4 ขวบของฉันรีบตอบว่า “แม่หนูจะไม่ตอบอย่างนั้นหนูจะตอบตกลงว่ามาหาแม่”
ในที่สุดพวกเราก็ตกลงกันว่า เที่ยงนี้ไปกินแฮมเบอเกอร์ตามแผนเดิมแต่ตอนเย็นไปบ้านคุณยาย
พอคุณแม่ทราบ รู้สึกดีใจมาก”แล้วแม่จะย่างสะเต๊ะตอนบ่ายนะ” ตอนเย็นไปบ้านคุณยาย คนแก่ทั้งสองคนเห็นพวกเรา ดีใจออกหน้าออกตาพวกเราพากันกรูเข้าไปในครัวไปเอาสะเต๊ะ คนแก่กับพวกเด็กๆคุยกันเสียงขรมคุณแม่เริ่มบ่นเรื่องปวดไหล่ ที่ยังไม่ยอมหายสักที พอถามว่า “อ้าวแม่ไม่ได้ไปทำกายภาพ หรือไปอบสมุนไพรหรือ”
“ไปมาแล้ว แต่ก็งั้นๆแหละ” ถึงตอนนี้ฉันรู้ได้ทันทีว่าคุณแม่ไม่ได้ห่วงเรื่องสุขภาพหรอกแต่ต้องการความสนใจจากฉันซึ่งเป็นลูกสาวต่างหาก
พอเข้าไปในครัว เห็นก้นกระทะมีน้ำมันจับอยู่หนาทั้งๆที่คุณแม่เป็นคนเจ้าสะอาด พลางเริ่มตระหนักว่าคุณแม่คงเริ่มไม่มีแรงขัดก้นกระทะแล้ว คุณแม่เคยมือหนึ่งอุ้มฉัน อีกมือผัดกับข้าวสองมือแม่เคยขัดบ้านได้ทุกซอกทุกมุม
คุณแม่เป็นโชเฟอร์ขับแท็กซี่หญิงเพียงไม่กี่คนของเมืองนี้มือทั้งสองข้างเคยถือพวงมาลัยเลี้ยงพวกเรามา มาถึงวันนี้มือของท่านคงอ่อนล้ามากแล้ว ยังอุตสาห์เสียบเนื้อสะเต๊ะ ผัดเส้นหมี่แล้วโทรศัพท์เรียกพวกเรามากิน
หลังจากวันนั้นต่อให้ยุ่งแสนยุ่ง เหนื่อยแสนเหนื่อยฉันก็ยังกลับมาเยี่ยมคุณแม่ช่วยขัดก้นกระทะ ให้ท่านและหวังว่า…..
สักวันหนึ่ง เมื่อฉันแก่ตัวลงมือไม้ไม่คล่องแคล่วเหมือนเก่า พวกลูกๆฉันยังจำได้ว่า จะกลับมาช่วยฉันขัดก้นกระทะบ้าง
อย่าเอาแต่สนใจลูกอย่างเดียว สักวันหนึ่งเราก็ต้องแก่
จำได้ว่าเคยเห็นจุลสารที่โรงพยายบาลแห่งหนึ่งเขียนไว้ว่า “ทีลูกฟันน้ำนมซี่แรกงอกเมื่อตอนเขาอายุหนึ่งขวบกับสี่เดือน ยังจำได้ แต่ฟันซี่สุดท้ายของพ่อและแม่หักหมดปากดันจำไม่ได้”
|