“อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าของท่าน”
พระวรสารวันอาทิตย์แรกหลังจากวันพุธรับเถ้าเป็นเรื่องพระเยซูเจ้าทรงถูกประจญในถิ่นทุรกันดารเสมอ เพื่อเป็นการเตรียมจิตใจคริสตชนให้เข้าสู่ถิ่นทุรกันดารและการประจญในเทศกาลมหาพรตเช่นกัน
การประจญทั้งสามที่พระเยซูเจ้าประสบ เชื่อมโยงกับการประจญที่ชาวอิสราเอลมีประสบการณ์เมื่อต้องเดินข้ามผ่านถิ่นทุรกันดาร และเป็นการประจญที่เราคริสตชนจะพบเจอเช่นเดียวกัน
ปีศาจเริ่มต้นการประจญด้วยการกล่าวว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า ท่านจง…” เพราะก่อนหน้านี้พระเยซูเจ้าเพิ่งได้รับการยืนยันว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าเมื่อพระองค์รับพิธีล้าง (ลก 3:22) ปีศาจกำลังท้าทายให้พระองค์ใช้พลังในฐานะเป็นบุตรของพระเจ้ากับความเป็นมนุษย์ของพระองค์ ซึ่งอันที่จริงเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างการเปลี่ยนก้อนหินให้กลายเป็นขนมปัง
มนุษย์เรามักถูกท้าทายด้วยถ้อยคำเช่นนี้ “ถ้าท่านเป็น….จริง ก็จะสามารถทำ….ได้” และด้วยความเป็นมนุษย์ เมื่อมีใครมาท้าทายอำนาจของเรา เราก็จะแสดงอำนาจตอบโต้ทันที
การประจญเรื่องอาหาร เป็นการประจญพื้นฐานของเรามนุษย์ และเป็นเหตุผลว่าทำไมพระศาสนจักรให้เราอดอาหารในช่วงใช้โทษบาป ไม่ใช่ต้องการให้เราหิว แต่ต้องการให้เราไว้วางใจในพระเจ้าเหมือนที่เราสวดว่า “โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย” เราขอให้พระเจ้าประทานอาหารให้เรา ไม่ใช่ตัวเราที่กำหนดทุกอย่างขึ้นเอง หากเราอยากพิสูจน์พลังอำนาจของตัวเอง ลองดูดีๆ ว่าเรากำลังถูกประจญอยู่หรือเปล่า
และการประจญที่อันตรายที่สุดคือการท้าทายอำนาจพระเจ้า การถูกประจญให้ท้าทายอำนาจตัวเองก็ว่ายากแล้ว แต่เราอาจจะถูกประจญให้ท้าทายอำนาจพระเจ้า ด้วยการบอกพระเจ้าว่า “ถ้าพระองค์มีอยู่จริง ขอให้…” เหมือนที่ปีศาจท้าทายให้พระองค์กระโดดจากยอดพระวิหารเพื่อให้พระเจ้าส่งทูตสวรรค์มาช่วย
ฟังดูเหมือนเป็นการพิสูจน์ความเชื่อที่ยอมเข้าสู่สถานการณ์อันตรายโดยหวังว่าพระเจ้าจะช่วย แต่อันที่จริงแล้วเป็นการท้าทายพระเจ้าและทดลองพระองค์ต่างหาก เรากำลังต่อรองกับพระเจ้าโดยใช้ความเชื่อเป็นเดิมพัน ถ้าพระองค์ไม่ช่วยฉัน ฉันจะตายนะ ฉันจะลำบากนะ ฉันจะแย่นะ ฉันจะ…นะ ดังนั้นพระองค์ต้องช่วยฉัน
เราไม่ได้เชื่อในพระเจ้า แต่เรากำลัง “ทดลอง” พระเจ้าและท้าทายพระองค์ต่างหาก.
…ลาซารัส…