ไตรภาค “แสงสว่างแห่งดวงดาวเด่นเป็นนิตย์” ตอนสอง
:มุมมืดของดวงดาว
แสงสว่างและอำนาจปกครองของพระองค์คงอยู่ตลอดไป(เทียบดนล 7:14)
หมดไปอีกหนึ่งปีแล้ว หลายคนคงสงสัยครับ แต่สำหรับสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลธรรมดา สัปดาห์หน้าก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงของการเตรียมจิตใจเพื่อต้อนรับองค์พระผู้ไถ่ องค์พระกุมารเจ้า เข้าสู้ช่วงของเทศกาลเตรียมรับเด็จพระกุมาร และสมโภชพระคริสตสมภพต่อไป
สัปดาห์นี้นอกจากจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีพิธีกรรมแล้ว พระศาสนจักรยังตั้งใจวางให้เราสมโภช ให้เราคิดถึงองค์พระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของเราทุกคนเป็นต้นพี่น้องคริสตชน ลูกๆขององค์พระบิดา ด้วยให้เรานั้นเตือนใจกันและกันให้วิถีชีวิตที่มอบความรักความเมตตาให้แก่กันและกันขององค์พระเยซูคริสตเจ้า กษัตริย์แห่งชีวิตพระของเราทุกคน จะเป็นแนวชีวิตแนวคิดอันดับแรกในชีวิตของเราแต่ละคนนั่นเอง แสงสว่างของพระองค์นั้นเป็นแสงสว่างในชีวิตของเราเช่นเดียวกันหรือไม่???
แสงสว่างและอำนาจปกครองของพระองค์คงอยู่ตลอดไป(เทียบดนล 7:14)
สัปดาห์ก่อนเราคุยกันถึงเรื่อง “จิตตารมย์รักและรับใช้ ของพระเยซูเจ้า เหล่าพยาบาล และรวมถึงเราทุกคนด้วย” เราทุกคนมีคนที่เรารัก และรักเรา เราทุกคนมีพี่น้องรอบข้างทั้งใกล้และไกลที่อยู่ในความดูแลของเราไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และเราทุกคนก็เริ่มต้นชีวิตด้วยน้ำใจดีงามที่พร้อมจะมอบความรัก การดูแลให้แก่กันและกัน นั่นคือ “จิตตารมย์ รักและรับใช้ของพระเยซูเจ้า” แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่แน่ใจว่าเราสังเกตกันบ้างหรือไม่ เราพบว่า “ฉันเหนื่อยจังเลย” เป็นคำพูดสั้นๆแต่ได้ใจความ และตามมาด้วย “ไม่ไหวแล้ว” แสดงถึงเราหมดแรง และจบลงที่ “ตัวใครตัวมันแล้วกัน…ดูแลตัวเองด้วย ลาก่อน” น่าเศร้าใจ
ความปรารถนาดีและเปี่ยมหวังของเราในยามต้น กลับพบหลุมดำและท้อถอย ดวงดาวที่ส่องแสงสว่างไสวในใจเรา กลับพบมุมมืดแห่งดวงดาวเสียแล้ว ลองทบทวน และถามตัวเราเองจริงไหมที่การมอบความสุขเพื่อลบทอนความทุกข์ของเพื่อนพี่น้องของเรา กลับมาลดทอนเวลาและความสุขส่วนตัว? จริงไหมการแบ่งปันให้ผู้อื่น กลับมาตัดทอนทรัพย์สินทรัพย์ชีวิตจากชีวิตเรา? จริงไหมที่เราต้องเจ็บปวดทนทุกข์ในชีวิตเพื่อแลกกับบาดแผลที่หายวันหายคืนในชีวิตของพี่น้องรอบกาย? จริงไหมที่คนดีท้อถอยเพราะ “มุมมืดแห่งดวงดาว” ที่พรากชีวิตของเราจากจิตตารมย์ของพระเยซูกษัตริย์แห่งชีวิตเรา พรากดวงดาวที่เปี่ยมรักและพร้อมส่องแสงสว่างในหัวใจเราให้ได้พบกับ “มุมมืดแห่งดวงดาว”
พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “ท่านพูดถูกแล้วว่า เราเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกเพื่อเป็นพยานให้
ความจริง ผู้ใดอยู่ข้างความจริงก็ฟังเสียงของเรา” (ยน 18:37)
พระเยซูคริสต์เจ้าองค์กษัตริย์ของเรา พระองค์ทรงเป็นดวงดาวที่เปล่งแสงสว่างให้จนหมดชีวิตของพระองค์ พระองค์ก็ทรงพบกับวันที่เป็น “มุมมืดแห่งดวงดาว” เช่นกันกับเราทุกคน แต่พระองค์ทรงเป็นพยานให้ความจริงต่อไปไม่ย่อท้อ ทรงเป็นพยานให้กับจิตตารมย์ “รักและรับใช้ รวมทั้งอภัยด้วย” ก็ถือโอกาสนี้เชิญชวนเราแต่ละคนต่อสู้กับใจของเรา ยามที่ใจเราพบกับ “มุมมืดแห่งดวงดาว”ในชีวิตของเรา จงอย่าท้อถอย แต่จงเดินตามชีวิตขององค์พระเยซู กษัตริย์ของชาวเราด้วยครับ… แล้วพบกับตอนจบของไตรภาคในสัปดาห์หน้าครับ
“เราเป็นกษัตริย์ ผู้ใดอยู่ข้างความจริงก็ฟังเสียงของเรา…ดวงดาวที่เปล่งแสงสว่างเป็นนิตย์”