การรู้จักฐานะของตนเอง
สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงเรื่อง “ความเชื่อฟังต่อพระเป็นเจ้า” ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเป็นเจ้าปรารถนา ยิ่งกว่าของถวายใดๆ และด้วยความเชื่อฟังต่อพระเป็นเจ้า คือกระบวนการนำความสงบสันติ มาสู่จิตใจของมนุษย์และสู่สังคมโลก
สัปดาห์นี้ ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนบทอ่านต่างๆยังเป็นเรื่องเดิมคือ “ความนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระเป็นเจ้า” แต่เป็นมิติที่ 2 และเป็นมิติที่ทำให้คนยุคปัจจุบัน หงุดหงิดกันมาก และเป็นสิ่งที่รับค่อนข้างยาก
บทอ่านจากบุตรสิรา วันนี้พูดถึง ความเคารพเชื่อฟัง ที่ต้องให้แก่บิดามารดาผู้บังเกิดเกล้าของเรา
ส่วนบทอ่านที่ 2 ซึ่งเป็นจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสี ก็พูดถึง ความรักกันและกัน ที่ต้องมีอยู่ในระหว่างสมาชิกครอบครัว
ความเคารพเชื่อฟัง ที่ลูกๆต้องให้แก่บิดามารดาในปัจจุบันมีปัญหาอย่างมาก ขนบธรรมเนียมไทยที่สอนให้เคารพเชื่อฟังบิดามารดาค่อยๆจางหาย ไปจากสังคมไทยที่ละเล็ก ทีละน้อย จะเป็นด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เราก็คงจะไม่นำมาจาระไนในรายละเอียดไว้ ณ ที่นี้ แต่เหตุผลที่พอจะนึกขึ้นได้เวลานี้ก็คือ คนสมัยนี้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะระบบการศึกษาในปัจจุบันที่สอนอย่างนั้น อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมตะวันตก ที่หลั่งไหลท่วมทะลัก เข้ามาสู่ประเทศไทย หรือแม้แต่วัฒนธรรมตะวันออกของประเทศบ้านไกลจากเราไม่มาก แต่ถูกกลืนกินด้วยวัฒนธรรมตะวันตก จนชาวตะวันออกเหล่านั้น (คงไม่ต้องเอ่ยชื่อประเทศ เพราะเรารู้จักกันดี) กลายเป็นพวกลูกครึ่งคือ 20%เป็นชาวตะวันออก ซึ่งดูจากหน้าตาและผิวพรรณ แต่ 80% ของชีวิตเป็นตะวันตก วัฒนธรรมตะวันออกครึ่งตกเหล่านี้กำลังมีอิทธิพล เหนือหัวใจของวัยรุ่นไทยในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก
สำหรับความรักกันและกันในครอบครัว ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน สมาชิกในครอบครัวจำนวนไม่น้อยรักกันยากเหลือเกิน
สำหรับบทอ่านสุดท้ายจากพระวรสารลูกาบทที่ 2 ข้อ 41-52 เป็นบทอ่านที่ ตบหน้า คนยุคปัจจุบันฉาดใหญ่ องค์พระกุมารที่เป็นองค์พระเจ้าทรงสรรพานุภาพและมาเกิดเป็นมนุษย์ แต่ยอมอยู่ใต้การดูแลปกครองของบิดามารดา ซึ่งเป็นมนุษย์ “พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปที่เมืองนาซาเร็ธกับบิดามารดา และ เชื่อฟังท่านทั้งสอง”
องค์พระผู้เป็นเจ้าที่มาเป็นมนุษย์ ทรงเชื่อฟังท่านทั้งสองที่เป็นมนุษย์ และเป็นบุคคลที่พระองค์ทรงสร้างมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง
สิ่งที่เราเรียนรู้จากพระกุมารเยซูซึ่งเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าก็คือ พระองค์ทรงรู้จักว่าใครเป็นใคร พระเยซูทรงเป็นพระเป็นเจ้าก็จริงแต่เมื่อทรงมาเป็นมนุษย์พระองค์ก็ทรงรู้จักและยอมรับฐานะของตัวตนของพระองค์เองคือเมื่อมาเป็นมนุษย์ก็ต้องยอมรับฐานะของความเป็นมนุษย์ ที่ต้องอยู่ในสังคมมนุษย์โดยมีลำดับชั้นต่างๆของความเป็นมนุษย์ นั่นคือความหมายของการรู้จักว่าใครเป็นใคร เมื่อเป็นมนุษย์ก็ต้องมีพ่อมีแม่ ดังนั้นองค์ก็ต้องยอมเคารพ เชื่อฟังพ่อแม่ พระองค์รู้จักทำตัวให้สมฐานะพระองค์ทรงรับรู้ว่า พ่อแม่ของพระองค์ทำหน้าที่แทนองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ความเคารพเชื่อฟังต่อบิดามารดาก็เท่ากับเคารพเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าเอง
ส่วนความรักกันและกันในครอบครัว ก็เช่นกันความรักกันและกันนี้จะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นก็ต่อเมื่อแต่ละคนรู้จักมองข้ามตัวตนและผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง