พระองค์ชอบทำงานอย่างเงียบๆ
วันฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง เป็นวันที่พระองค์ทรงเปิดเผยตัวพระองค์เองอย่างเป็นทางการเป็นการเริ่มต้นออกทำงานตามที่ทรงได้รับมอบหมายจากพระบิดา การเปิดเผยตัวนี้ เริ่มด้วย “พิธีล้าง” และในวันรุ่งขึ้นยอห์นผู้ทำพิธีล้างให้แก่พระองค์ ก็เป็นผู้ประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่า “นี่คือลูกแกะพระเจ้า ผู้ทรงยกบาปของโลก” จากนั้นงานของพระองค์ก็เริ่มต้นขึ้น
ปีนี้ปฏิทินพระศาสนจักร ได้เริ่มต้นด้วยการเฉลิมฉลองการบังเกิด วันฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ และวันฉลองพระคริสตเจ้าแสดงพระองค์ และวันนี้วันฉลองพระเยซูทรงรับพิธีล้าง
เร็วจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ฉลองเกิดหยกๆ ก็จะฉลองตายอีกแล้ว
เดือนหน้า 13 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันพุธรับเถ้าและเริ่มต้นเข้าสู่เทศกาลมหาพรต และต่อด้วยปาสกา อันเป็นจุดสุดยอดของงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า
บทอ่านในวันรับพิธีล้างวันนี้ มีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา” ตรงกับข้อความในหนังสืออิสยาห์ วันนี้เช่นกันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “นี่คือผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเราเชิดชู”
พระเยซูเจ้าทรงได้รับคำชมเชิดชูยกย่องจากพระบิดา เพราะพระองค์ทรงดำเนินชีวิตเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า
ชีวิตที่เป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า คือ ชีวิตที่เป็น แสงสว่างอันเจิดจ้า สำหรับผู้พบเห็น แสงสว่างที่เราจะต้องมองให้เห็นกระจ่างด้วยความเข้าใจ ในวันอาทิตย์ที่แล้ว เราฉลองพระคริสตเจ้าแสดงพระองค์ เราจะได้ยินคำที่กล่าวถึงว่า “พระองค์เป็นแสงสว่างอันเจิดจ้า”
แสงสว่างอันเจิดจ้าคือ ตัวอย่างชีวิตเด่นๆของพระเยซูเจ้า ที่เราจะต้องมองเป็นตัวอย่าง ทำตาม และลอกเลียนแบบ
แสงสว่างอันเจิดจ้า หรือ ตัวอย่างชีวิตเด่นๆที่เราจะต้องลอกเลียนแบบนั้น มีอะไรบ้าง ได้กล่าวไว้เป็นลำดับใน บทสนทนาจากเจ้าอาวาสฉบับก่อนๆ อาทิเช่น
ความยากจน เรียบง่าย
การรู้จักฐานะของตนเองในสังคม
ความเคารพเชื่อฟัง
ฯลฯ
วันนี้อิสยาห์ 42 ข้อ 2 เขียนว่า เขาจะไม่ร้องตะโกน หรือเปล่งเสียงดัง จะไม่ทำให้ใครได้ยินเสียงของเขาตามถนน และ
มัทธิว 12 ข้อ 19 บันทึกไว้เช่นเดียวกันว่าท่านจะไม่ทะเลาะวิวาท และไม่ร้องเสียงดัง ไม่มีใครได้ยินเสียงของท่านตามถนน
ทั้งอิสยาห์และมัทธิว มีข้อความตรงกันเนื้อหาเป็น “แสงสว่าง” อีกแสงหนึ่งที่เราคริสตชนควรจะต้องลอกเลียนแบบ นั่นคือ “การทำงานแบบเงียบๆ”
พระเยซูทรงทำงานที่ได้รับมอบหมายจากพระบิดาอย่างเงียบๆ แต่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจ หลายครั้งในพระวรสาร บันทึกไว้ว่า “พระองค์ไม่ต้องการเปิดเผยตัวของพระองค์เอง” อีกทั้งตัวพระเยซูเองยังทรงสอนหลายครั้ง เช่น เมื่อท่านทำบุญให้ทานก็จงทำอย่างเงียบๆ เวลาจำศีลก็อย่าให้ใครรู้หรือจับได้ว่าจำศีล ฯลฯ
การทำงานของคนยุคปัจจุบันจะต้องมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้มีการรับรู้กันอย่างกว้างขวาง ว่าฉันกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน ยิ่งรู้มาก กว้างมาก ก็ถือเป็นความสำเร็จ แต่เราน่าจะมาลองคิดทบทวน เทียบเคียงกับ อิสยาห์บทที่ 42 ข้อ 2 และมัทธิว บทที่ 12 ข้อ 19 ในเรื่องการทำงานของเราว่างานของเราควรจะเป็นอย่างที่เราทำคือ มีการประโคมโหมป่าวร้องหรือ ควรจะเป็นอย่างที่พระเป็นเจ้าทำคือทำอย่างเงียบๆ แต่มั่นคง และทรงพลังด้วยความมั่นคงสัตย์ซื่อ ….