กุญแจสู่การเป็นชาวประมงของพระอาจารย์… “โตไปใจกว้าง”
“พระอาจารย์…เราทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว” (ลก5:5)
หากถามชีวิตตนเองหรือผู้อื่นว่า“เหนื่อยไหม…ลำบากไหม…เบื่อกับสิ่งที่ต้องรับผิดชอบไหมหน่ายกับการต้องมาคุมตัวเองให้มั่นคงไหม???” เมื่อสิ่งที่ตนเองทำไปอย่างดีแล้วถูกปฏิเสธกลับมา“เจ็บปวดไหม??” เชื่อมั่นได้ว่าคำตอบในชีวิตของเรากับชีวิตของผู้คนรอบข้างไม่ต่างกันเลยอาจจะเพี้ยนผิดไปก็ในรายละเอียด
ในคำพูดของนักบุญเปโตร คำพูดของท่านในพระวรสารตอนนี้ นับว่าแทนคำพูดจากจิตใจของเราที่กำลังอ่อนล้าได้เป็นอย่างดี “พระอาจารย์…มีประโยชน์ไหมนี่ที่เราทำดี” “พระอาจารย์…เราเหนื่อยเราเฝ้าทำมาตลอดชีวิตแล้วนี่หรือรางวัลปลอบใจให้กับเรา” พระอาจารย์… พูดตรงตรงนะ…เราหมดแรง อย่ามายุ่งกับเราได้ไหมเรากำลังจะค่อยๆแห้งตายไปด้วยความเศร้าใจเราท้อใจเรายอมแล้วปล่อยให้เราตายตายแห้งตายไปเถอะ” หรือว่านี่คือคำพูดที่ทั้งแทงใจและแทนใจเรา เราปรารถนาจะพูดกับพระองค์เหลือเกินเพราะเวลานี้หัวใจจิตใจเราบอบช้ำเหลือเกินแล้ว
“อย่ากลัวเลย… แต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” (ลก5:10)
พระอาจารย์ยังคงหนุนนำหัวใจที่อ่อนล้าและเจ็บปวดของเราเสมอ พระองค์หนุนนำจิตใจของเราว่า ยิ่งอ่อนล้าเรายิ่งต้องเดิน ยิ่งกระหายเรายิ่งต้องแบ่งน้ำที่เริ่มมีน้อยให้ผู้ที่กระหายไม่แพ้เรา ยิ่งหิวโหยเรายิ่งต้องวางใจถวายแด่พระบิดาเป็นอันดับแรกและปันส่วนที่เหลือให้กับพี่น้องที่หิวโหยยิ่งกว่าเรา ยิ่งมีน้อยยิ่งความหวังริบหรี่นั้น…ยิ่งต้องมีจิตใจกว้าง
ปัจจุบันนี้มีโครงการน่าสนใจในรั้วโรงเรียนชื่อโครงการ“โตไปไม่โกง” แต่ผู้เขียนนิยมใช้และพูดประโยคนี้แทนว่า… “โตไปใจกว้าง” การที่เราจะ“โตไปใจกว้างตามที่พระอาจารย์ของเราหนุนนำและท้าทายนั้น มีเงื่อนไขอยู่เพียง1 ข้อ กับมีเครื่องมือช่วย4 ชุด” เงื่อนไขที่มีเพียงข้อเดียวนั้นก็คือ… “ก่อนจะโตไปแล้วใจกว้างนั้น วันนี้ต้องลงมือเปิดใจฝึกให้ตนเองมีใจกว้างทันที!!” ไม่มีข้อแม้ เราทุกคนพร้อมไหมมาเริ่มกันเลยดีไหมที่จะใจกว้างหนุนนำและแบ่งปันให้กันและกัน
“อย่ากลัวเลย… แต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” (ลก5:10)
เครื่องมืออีก4 ชุดนั้นก็คือ หนึ่ง… Give : จงให้จงแบ่งปันเอาง่ายๆมีอย่างไรก็แบ่งหารออกเป็นสองแล้วปันออกไป สอง… Forgive : จงให้อภัย เอาแบบพื้นๆเราอาจยังไม่ลืมความเจ็บปวดที่เราได้พบจากเขาความเลวร้ายที่เขาได้ก่อ อย่าพึ่งร้อนใจ เอาเพียงเราสวดให้กับเขาแม้เขาทำไม่ดีกับเรา เอาเป็นหากวันใดเขามีอันตรายถึงชีวิตเราตั้งใจจะไม่หันหลังหนียามเขาขอเราช่วยแม้ตรงข้ามกันเป็นเราเขาอาจไม่ช่วย
สาม… Forget : ลืมสีดำที่เลวร้ายแล้วมองดูแต่สีขาว ลืมๆเสียบ้างสิ่งเลวร้ายที่เราได้พบเจอ ลองมองความสว่างสีขาวดูบ้าง หลายครั้งเรามองแต่จุดดำมืดเพียงจุดหรือสองจุดทั้งๆที่ในชีวิตของเพื่อนพี่น้องของเรานั้นมีแสงสว่างสีขาวมากมาย แล้วเราจะพบความสุขพบความหวังและพอที่จะอภัยให้กับพี่น้องของเราได้ และสุดท้ายสี่… Forever : ทำทั้งสามข้อข้างต้นเสมอแม้ล้มเหลวก็ลุกขึ้นทำอีกและทำอีก การให้อภัยหลายคนพูดเหมือนกันว่ามันคือการให้โอกาส
จงมอบโอกาสให้แก่กันและกัน และที่สำคัญที่สุดให้โอกาสแก่คนอื่นได้ ก็จงอย่าลืมที่จะให้โอกาสกับตัวเองด้วยละครับ การให้โอกาสแก่ตัวเองก็คือคนเราผิดพลาดกันได้ประการสำคัญคือล้มแล้วพลาดผิดแล้วลุกขึ้นปรับปรุงตัวเริ่มต้นใหม่ และทำอย่างนี้ต่อไปจนกว่าจะจบชีวิตกันไปข้างหนึ่งลุกขึ้นๆอย่าท้อครับ
“จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและหย่อนอวนลงจับปลาเถิด” (ลก5:4)
เสียงของพระอาจารย์ยังคงดังก้องอยู่เสมอ ท้าทายเราอยู่ทุกวัน ว่าแม้เราจะอ่อนแรง แต่ก็จงอย่าท้อถอย วางใจในพลังของพระองค์ที่คอยหนุนนำเราอยู่มิได้ขาดสายหรือขาดแคลนสิ่งใดเลย เสียงของพระอาจารย์ให้ความมั่นใจกับเราทุกคนแม้ที่ลึกจะเต็มไปด้วยอันตรายเต็มไปด้วยสิ่งมิอาจคาดเดา แต่พระองค์เรียกและร้องบอกเราทุกคนให้ “กล้าที่จะฟังเสียงของเราออกแรงทำต่อไปหย่อนอวนลงต่อไปจับปลาต่อไป” เพราะเราไม่ได้หย่อนอวนลงไปจับปลาเพื่อนำมากินเลี้ยงชีวิต อาหารเหล่านั้นพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้เราเสมอจงวางใจว่าจะไม่มีวันขาด แต่เราออกแรงจับปลาเหล่านี้ก็เพื่อนำพาฝูงปลาที่ได้มามอบแด่พระองค์
ผมมอบกุญแจให้แล้ว กุญแจที่พาเราไปสู่“โตไปใจกว้าง” ที่มีเงื่อนไขต้องเริ่มวันนี้เริ่มทันที กุญแจอยู่ข้างหน้าคุณแล้ว พระอาจารย์ก็ส่งเทียบเชิญท้าทายคุณแล้ว ที่เหลือเพียงสิ่งเดียวคือ“รอ” รอคุณหยิบกุญแจนี้ไปและไขเข้าประตูไปด้วยตัวด้วยมือของคุณเอง… เราทุกคนรอคุณอยู่ครับ…