“น้ำใจ” เป็นคำที่เราทุกคนทราบความหมายกันเป็นอย่างดีจนมีคำสวยๆที่เราอยากเป็นหรืออยากคบหาสมาคมและชื่นชมเขาคือคำว่า“คนดีมีน้ำใจ” ถ้าจะบอกถึงคุณสมบัติง่ายๆก็คือใครก็ตามที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยที่มิใช่หน้าที่หรือเป็นสิ่งที่ต้องกระทำแต่เป็นเรื่องที่มาจากใจ(เหตุนี้กระมังเขาจึงเรียกว่า“น้ำใจ”) ตัวอย่างเช่นเห็นคนพิการกำลังจะข้ามถนนเราพาเขาข้ามถนนอย่างนี้คือน้ำใจ… เอ้าหรือจะเอาตัวอย่างใกล้ตัวสักหน่อยเช่นเวลานั่งในวัดร่วมพิธีกรรมเราขยับที่ให้ผู้ที่มาทีหลังนั่งด้วยอย่างนี้เป็นต้นบางครั้งผมเห็นบางคนทำเป็น“ทองไม่รู้ร้อน”นั่งเฉยๆทั้งๆที่ที่นั่งข้างๆตนยังว่างอยู่เลยวัดเราคงไม่มี(ซะเมื่อไหร่) นะครับ!
สมัยนี้ดูเหมือนว่าคนเรา“แล้งน้ำใจ”คำนี้เป็นอีกคำหนึ่งที่เราไม่อยากให้ใครมาเรียกเราอย่างนี้แล้งน้ำใจหมายถึงไม่มีน้ำใจหรือน้ำใจแห้งหายไปหมดสังคมปัจจุบันเป็นอย่างนี้มากกว่าสมัยก่อนเยอะเป็นสังคมแบบต่างคนต่างอยู่ตัวใครตัวมันทำให้การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเข้ามาเสียบแทน
ผลที่ตามมาก็คือลูกหลานที่เกิดมาจึงถูกเลี้ยงดูเพื่อให้“เก่ง” เป็นสำคัญพยายามหาวิธีการต่างๆให้เขาเก่งจนบางครั้งทำให้การที่เขาจะต้องเติบโตขึ้นเป็นคนดีด้วยการอบรมให้เขารู้จักรักเสียสละและมีน้ำใจนั้นหดหายไปอย่างมาก
ช่วงนี้อากาศแปรปรวนเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนเดี๋ยวอบอ้าวเดี๋ยวแดดออกเหงื่อออกมากเป็นพิเศษทำให้ร่างกายขาดน้ำรู้สึกหิวกระหาย… ถ้าเรามีประสบการณ์ขณะที่เรารู้สึกกระหายได้น้ำเย็นๆสักแก้วสองแก้วมันชื่นใจจริงๆ
สัปดาห์นี้ผมจึงอยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านมอบ“น้ำใจ”ให้แก่กันและกันดื่มซึ่งคิดว่าจะทำให้ทุกท่านได้รับมากกว่าคำว่า“ชื่นใจจริงๆ”ซะอีกไม่เชื่อลองทำดูนะครับเริ่มที่คนใกล้ตัวคนในครอบครัวของเราก่อนและจะรู้ว่าความสุขมีจริงเป็นไปได้เสมอเพียงแต่เราลืมมันไปบ้างเท่านั้นเอง… สวัสดีครับ