(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
ฉบับที่แล้ว จบที่สมัยคุณพ่อชุมภา คูรัตน์ ที่มีการทาสีวัดใหม่ และปรับปรุงเรื่องพระแท่น ลงลักปิดทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงสมัยคุณพ่อ สนัด วิจิตรวงศ์ มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสปี 2532-2537 ท่านดำเนินงานจัดตั้งเครื่องเสียงภายในวัดให้มีประสิทธิภาพสมบูรณ์ขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผู้เริ่มต้นว่าจ้างยามรักษาความปลอดภัยและดูแลการจราจรรอบอาสนวิหารๆ
สมัยคุณพ่อปิยะ โรจนะมารีวงศ์ ปี พ.ศ.2537-2542 ช่วงในปี พ.ศ.2539 พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ดำริให้ทำกระจกสีในอาสนวิหารขึ้นมาใหม่ หลังจากของเดิมแตกเสียหายไปเมื่อสมัยสงคารามโลกครั้งที่ 2 กระจกสีชุดใหม่นี้จัดทำโดยบริษัท รีเฟลคชั่น มีคุณจักร และคุณตุ๊ก ศิริพร โภคทวี เป็นออกแบบและผู้จัดทำ ใช้เวลาทำทั้งสิ้น 4 ปีครับ เพราะฉะนั้นเสร็จเมือปี พ.ศ.2543 หรือ ปี 2000 ในสมัย คุณพ่อสำรวย กิจสำเร็จ เป็นเจ้าอาวาสครับ
สมัยคุณพ่อเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช (พระอัครสังฆราชของเราในปัจจุบัน) ปี 2546-2550 คุณพ่อได้จัดปรับเปลี่ยนตู้ศีลในวัดใหม่ให้สง่างามขึ้น เพิ่มแสงสว่างภายในวัด
สมัยคุณพ่อทวีศักดิ์ กิจเจริญ ปี พ.ศ. 2549-2552 ปรับปรุงระบบเสียในวัด เปลี่ยนลำโพงใหม่ทั้งหมด
สมัยคุณพ่อสุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ เป็นเจ้าอาวาสวัด ปี พ.ศ. 2552-2554 เริ่มปรับภูมิทัศน์ด้านหน้าวัด บริเวณลานจอดรถ แก้ไขระบบเสียงภายในวัด และเริ่มต้นโครงการที่ขอระบบไฟฟ้าใหม่เพื่อทำระบบปรับอากาศ และระบบไฟใหม่ภายในวัด เพราะระบบไฟฟ้าปัจจุบันของวัดเป็นการดึงไฟฟ้ามาจากโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษามาใช้ในวัดส่วนหนึ่ง และดึงไฟมาจากสำนักมิสซังมาใช้ในวัดอีกส่วนหนึ่ง เมื่อนำเรื่องปรึกษาพระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ ท่านอยากให้ปรับปรุงทั้งหมดไม่ว่าโครงสร้างอาคารและระบบต่างๆในวัด โครงการปรับปรุงอาสนวิหารจึงเกิดขึ้นและดำเนินเรื่อยมาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างจนถึงปัจจุบัน ที่มีคุณพ่อสานิจ สถะวีระวงศ์เจ้าอาวาส การปรับปรุงอาสนวิหารก็ยังดำเนินงานต่อเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ครับ ส่วนจะเสร็จเมื่อไหร่ ก็ถ้าตามกำหนด คงแล้วเสร็จสิ้นปี 2557 ส่วนวัดจะเปิดจริงๆเมื่อไหร่ ก็คงต้องดูหลังฉลองวัดครับ…สวัสดีครับ…