สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้งอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556
“นิจ”เป็นคำที่เราคุ้นเคย มีความหมายว่า เสมอ, เที่ยงแท้, ยั่งยืน มีคนนำมาตั้งชื่อให้ลูกๆ ของตนเองกันมากพอสมควร
เพราะความหมายดีเป็นไปในทางดีว่างั้นเถอะ
แต่ถ้าเติม อ เข้าไปข้างหน้า คือ อนิจ… ทำให้ความหมายกลับกลายเป็นตรงข้ามไป หมายถึง ไม่เสมอ, ไม่เที่ยงแท้, ไม่ยั่งยืน เช่น อนิจกรรม จึงหมายถึง ตาย(สูญหาย จบสิ้น ไม่ยั่งยืน) หรือเวลาเขาพูดกันว่า “สังขารไม่เที่ยง” จึงมีความหมายว่าร่างกายของเราจะไม่คงอยู่ตลอดไปนั่นเอง
ดูเหมือนว่ามนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน หรือ ที่บอกว่าไม่มีศาสนาก็เหมือนกัน ต่างยอมรับว่า “สังขารไม่เที่ยง(แท้)” ด้วยกันทั้งนั้น คือ เชื่อเหมือนกันทุกคนว่า สักวันหนึ่งต้องตาย ทำให้เกิดสำนวนคุ้นเคยว่า “ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า” ให้ได้ยินกันบ่อยๆ เป็นต้นเวลาปลอบใจกันยามเมื่อมีคนที่เรารักต้องตาย
พูดถึงคำปลอบใจกันนึกขึ้นได้มีอยู่คำหนึ่งที่ได้ยินบ่อยๆ เหมือนกัน คือคำว่า “ไม่ต้องเสียใจเขาไปสบายแล้ว เขาไปที่ชอบ ที่ชอบ ของเขาแล้ว” ก็คงสงสัยเหมือนกันว่ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไปสบายๆ หรือไปที่ที่เขาชอบ… พูดอย่างกับไปมาด้วยกันกับเขางั้นแหละ
แปลกแต่จริง คนเราชอบอวยพรให้ผู้อื่นไปที่ชอบ ที่ชอบ แต่จะมีสักคนหรือไม่เนี่ยที่ชอบคำอวยพรนี้ คือ เวลาคนอวยพรให้ “ขอให้ไปที่ชอบ ที่ชอบ นะ” เอ้าใครชอบยกมือขึ้น…(ยกในใจก็ได้)
ขอย้อนกลับมาสู่พระวาจาในวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงสอนประชาชนให้ไม่ประมาท ดำเนินชีวิตประจำวันในโลกนี้อย่างรู้ทันโลก คือพระองค์ทรงสอนให้ทราบว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นวัตถุ ข้าวของ เงินทอง หรือแม้กระทั่งตัวของเราเองมันเป็น “อนิจจัง” วันหนึ่งมันก็จะสูญสลายไป… ดังนั้นสิ่งที่ควรคิดคำนึงและสะสมไว้ก็คือ สมบัติอันถาวรนิจนิรันดร์ ซึ่งจะไม่สิ้นสูญไปไหน นั่นคือคุณธรรม ความดีงาม ความรัก หรือจะเข้าใจให้ง่ายขึ้นอีก ก็คือ ต้องมี “กุศลกรรม” หมายถึงการทำความดี อันจะส่งผลให้เราได้รับพระเมตตาและความรักจากพระเป็นเจ้า จะทรงรวมเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ตลอดไป… สวัสดีครับ.