ชีวิตที่ทำให้ผู้อื่นมีความสุข
“เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี”
เป็นข้อความจากพระวรสารนักบุญลูกาวันนี้เป็นคำพูดของนางเอลีซาเบธ เมื่อได้ยินคำทักทายของแม่พระ
การเสด็จเยี่ยมท่านเอลีซาเบธ ของแม่พระเป็นกิจการที่ถือว่าเป็นธรรมชาติที่สุด ของบุคคลที่มีพระเยซูเจ้าประทับอยู่ในชีวิต
พระแม่มารีย์เป็นบุคคลที่พร้อมรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าตลอดชีวิตของพระแม่ ไม่ว่าพระจะสั่งให้พระแม่ทำอะไร พระนางพร้อมที่จะทำทุกอย่าง แม้กระทั่งทำสิ่งที่ขัดต่อความตั้งใจของพระนางเองในการที่จะเป็นพรหมจารีรับใช้พระเจ้าตลอดชีวิตของพระนาง
พระนางมารีย์พร้อมที่จะให้น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าขัดหรือตัดน้ำใจของพระนางเอง (†)
เมื่อพระนางยอมปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า และพระวาจาของพระเจ้า พระวจนาตถ์ก็ทรงรับเอากาย (Verbum Caro Factum Est) หรือทรงรับสภาพมนุษย์ในตัวของพระนาง
พระวจนาตถ์พระบุคคลที่ 2 ในพระตรีเอกภาพเสด็จลงมาประทับอยู่ในตัวของแม่พระทันทีที่พระนางรับที่จะปฏิบัติตามพระวาจาและพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า
เกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า ที่เรารับศีลมหาสนิทอยู่ทุกวัน หรือ เกือบทุกวัน พระเยซูเจ้าได้สถิตประทับในตัวของเราจริงๆหรือไม่?
มีตัวบ่งชี้อะไรบ้างว่าพระเยซูเจ้าได้ประทับอยู่ในชีวิตของเราจริงๆ?
สำหรับแม่พระตัวบ่งชี้ชัดเจนมาก
ทันทีที่แม่พระยอมรับปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระวจนาตถ์พระบุคคลที่ 2 ได้เสด็จมาสถิตประทับในตัวของพระนางในทันที ไม่ใช่เฉพาะพระบุคคลที่ 2 เท่านั้น แด่พระบิดา และพระจิตก็เสด็จมาประทับอยู่ในตัวของพระนางด้วย ดังนั้น
“พระนางมารีย์จึงเปี่ยมด้วยพระหรรษทาน”
พระหรรษทานคือ ชีวิตพระ พระหรรษทานไม่ใช่พร หรือ น้ำทิพย์ที่ถูกเทลงมาจากสวรรค์ เมื่อเราขอ แต่พระหรรษทานคือชีวิตพระ ที่สถิตประทับอยู่ในตัวของคนๆหนึ่ง เมื่อคนคนนั้น ยอมปฏิบัติตามพระประสงค์และพระวาจาของพระเป็นเจ้า และสิ่งนี้ก็พิสูจน์ คำพูดที่พระเยซูเจ้ากล่าวไว้ในพระวรสารยอห์นบทที่ 14 ข้อ 23
“ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา” (ยอห์น 14:23)
เมื่อพระอยู่ในตัวของใครคนใดคนหนึ่ง ความรักก็เต็มเปี่ยมอยู่ในตัวของผู้นั้น เพราะพระเป็นเจ้าคือองค์ความรัก
ความรักนี้จะผลักดันให้ผู้นั้นไม่อยู่นิ่งเฉย แต่จะต้องปฏิบัติกิจการแห่งความรัก โดยธรรมชาติ
ดังนั้นพระวรสารวันนี้ “พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่ง……เข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ”
แม่พระถูกผลักดันด้วยองค์ความรักที่อยู่ในตัวของพระนาง ทำให้พระนางต้องรีบออกไปพบญาติผู้ใหญ่
กิจการด้านสังคมสงเคราะห์ กิจการด้านศาสนสัมพันธ์ หรือ คริสตศาสนจักรสัมพันธ์ รวมทั้งงานเมตตากิจอื่นๆ ที่ตัวผู้ปฏิบัติต้องออกไป จะต้องอยู่บนพื้นฐาน แบบฉบับชีวิตของแม่พระผู้มีพระเจ้าประทับอยู่ในชีวิตของพระนางอย่างเต็มเปี่ยม จึงจะทำให้งานเหล่านั้น เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เป็นงานที่เกิดจากการต้องสร้างต้องวางแผนขึ้นมา
งานเมตตากิจต้องเป็นธรรมชาติของการสถิตประทับอยู่ขององค์พระเจ้าในชีวิต
การเสด็จเยี่ยมของแม่พระ คือ ภาพอีกภาพหนึ่งของ BEC มันเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกัน
การเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้าน การไปหาเพื่อนบ้าน การไปรวมตัวกับเพื่อนบ้าน ต้องเริ่มต้นจากพื้นฐานของการสถิตประทับของพระเจ้าในบุคคลผู้นั้น จึงจะเป็นธรรมชาติ
แต่ก็อีกนั่นแหละ บุคคลผู้นั้นต้องพร้อมปฏิบัติพระวาจา พร้อมที่จะนอบน้อมต่อพระวาจา หรือ พร้อมที่จะดำเนินชีวิตไม้กางเขน † เช่นแม่พระ
สุดท้ายจากการประทับอยู่ของพระเจ้าในคนคนนั้น และ เมื่อคนๆนั้นไปพบใคร หรือ ผู้ใด สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็จะคล้ายๆกับสิ่งที่เกิดกับครอบครัวของท่าน เศคาริยาห์ เอลีซาเบธ และลูกน้อยยอห์นที่อยู่ในครรภ์ของเอลีซาเบธ
“ทุกคนเปี่ยมไปด้วยความยินดี”
ยินดีที่พระนางมารีย์พาพระเยซูเจ้าไปหาพวกเขา ให้พวกเขาได้พบได้สัมผัสพระองค์ผ่านทางชีวิตของพระนาง และนี่คือความหมายแท้ๆของสิ่งที่เราเรียกว่า งานแพร่ธรรม งานแพร่ธรรมคืองานที่จะต้องทำให้ผู้อื่นสัมผัสกับชีวิตของพระเยซูเจ้าในตัวของผู้แพร่ธรรม
การ “ฟื้นฟูชีวิตการเป็นศิษย์พระคริสต์” เป็นกระบวนการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของแม่พระและแบบอย่างของแม่พระคือ แบบอย่างแห่งความนอบน้อมเชื่อฟัง หรือ ชีวิตแห่งไม้กางเขน ซึ่งชีวิตแห่งไม้กางเขนก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจาก ชีวิตแห่งความนอบน้อมเชื่อฟัง นั่นเอง
และเพื่อจะดำเนินชีวิตอย่างนี้ก็จะต้องมีการกลับใจ และจะต้องเป็นการกลับใจอย่างต่อเนื่อง และการกลับใจอย่างต่อเนื่องก็คือ การมุ่งดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงตัวเองมุ่งเชื่อฟังนอบน้อม ต่อพระวาจาและคำสอนของพระเป็นเจ้าอย่างไม่หยุดยั้งและ เป็นการนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระวาจาในทุกตัวอักษร โดยไม่ให้ขาดไป แม้แต่ตัวอักษรหรือขีดเดียว