สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2556
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเคยร่วมงานกับผู้คนมามากพอสมควรทำให้ได้ข้อคิดข้อรำพึงหลายอย่างหลายประการ… มีทั้งรู้สึกดีมีความสุขและรู้สึกเศร้าใจแต่ก็ยังไม่เคยวัดว่าอย่างไหนจะมากน้อยกว่ากัน
ที่รู้สึกดีมีความสุขก็เพราะเห็นและสัมผัสได้ว่าผู้ที่เราร่วมงานด้วยนั้นเขาทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยทำด้วยจิตใจจริงๆโดยมิได้หวังประโยชน์ส่วนตนใดๆไม่ใส่ใจในคำชมยกย่องต่างๆทำให้เห็นว่าเขาทำเพื่อคนอื่นอย่างแท้จริง
ส่วนที่ว่ารู้สึกเศร้าใจก็คือเห็นบางคนทำงานเอาหน้า… ทำเพื่อหน้าตาในสังคมเช่นมีการ“จัดฉาก” ทำข่าวลงสื่อต่างๆทั้งๆที่ไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรสักหน่อยจะไปทำบุญสถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้าบ้านคนชราฯลฯก็ต้องให้นักข่าวไปทำข่าวให้มากๆเคยเห็นบางแห่งให้เด็กๆมายืนรอเป็นนานสองนานทั้งๆที่ทุกอย่างพร้อมแล้วเสียอย่างเดียวก็คือ“นักข่าวยังไม่มา” มิหนำซ้ำถ่ายรูปไปแล้วยังขอถ่ายใหม่เพราะเกรงว่ารูปจะออกมาไม่สวยเลยต้องมอบของซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่นั่นแหละ… เฮ้อกลุ้ม!!
ทำให้ได้คิดถึงพระวรสารวันนี้… พระเยซูเจ้าทรงสอนประชาชน(พวกเราด้วย) ให้รู้จักตัวเองว่าเราต้องมีความสุภาพถ่อมตนต้องไม่สำคัญตนว่าตนเองสำคัญยิ่งใหญ่ใครๆต้องซูฮกต้องให้เกียรติพระองค์ทรงอธิบายได้อย่างชัดเจนแล้วจะไม่ขอกล่าวซ้ำอีกเพียงแต่ใครสงสัยกลับไปอ่านพระวรสารของวันนี้ใหม่ก็แล้วกัน(ลก. 14:1,7-14)
เคยมีคนนำพระวรสารตอนนี้และบอกว่าดังนั้นเราต้องถ่อมตนเพื่อหวังจะให้ผู้อื่นมาให้เกียรติดังข้อความของพระวรสารวันนี้ซึ่งถ้าคิดเช่นนี้ต้องบอกว่าไม่ได้สุภาพถ่อมตนจริงๆเพราะทำไปเพื่อหวังให้คนอื่นชมยกย่องอยู่นั่นเอง
อยากจะบอกว่าสังคมปัจจุบันเป็นเช่นนี้จริงๆหาคนที่สุภาพถ่อมตนจริงๆได้น้อยมากเรามักจะพบแต่คนที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่พวกพ้องคนที่หลงในชื่อเสียงเกียรติยศคำชมยกย่องสรรเสริญเต็มไปหมดด้วยเหตุนี้เองจึงมีคนที่ชอบเอาอกเอาใจหรือจะเรียกให้ชัดๆว่าพวกชอบเชลีย(เชียร์+เลีย) อยู่มากมายเต็มไปหมดถูกผิดไม่สนใจเข้าตำรา“นายว่าขี้ข้าพลอย”
เชื่อว่าพวกเราทั้งหลายคงจะไม่มีลักษณะดังกล่าวมานี้เพราะเรามีคำสอนของพระเยซูเจ้าอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แล้วนั้นคือจิตตารมณ์ที่บอกว่า“เรามาเพื่อรับใช้ผู้อื่นมิใช่ให้ผู้อื่นรับใช้”… สวัสดีครับ.