เรากำลังทำอะไรกันอยู่?
วันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ คือวันสมโภชระลึกถึงเหตุการณ์ที่ปราชญ์ 3 ท่านเดินทางเสาะแสวงหา เพื่อจะได้พบผู้มีบุญที่ได้มาบังเกิด และสุดท้ายพวกเขาก็ได้พบพระองค์ ในวันนี้ เราจะเห็นภาพคุ้นตา คือ ภาพชาย 3 คนขี่หลังอูฐ มีสัมภาระรุงรัง โดยมีดาวนำอยู่เหนือท้องฟ้า
วันสมโภชนี้ ทำให้เราได้ทราบถึงพระเมตตาของพระเป็นเจ้า พระองค์ได้มาบังเกิด และได้ทรงบังเกิดเพื่อมนุษย์ทุกคนในโลก ปราชญ์ 3 ท่าน ที่เดินทางมาจากต่างถิ่น ต่างทิศ คือ ตัวแทนของมวลมนุษยโลกเหล่านั้น
ในวันสมโภชนี้เช่นกันที่พระศาสนจักร เตือนให้เรารำลึกถึงหน้าที่สำคัญยิ่งของคริสตชนในการเป็นธรรมทูต และเป็นพิเศษที่พระศาสนจักร เน้นความสำคัญของเด็กๆคาทอลิกทั่วโลก ที่จะต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตของตนในการเป็นยุวธรรมทูต
เรื่องราวของปราชญ์ทั้ง 3 ถูกบันทึกไว้ให้เราได้อ่านในพระวรสารมัทธิวในมิสซาวันนี้
งานธรรมทูตถูกบรรยายไว้อย่างน่าฟังในบทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ ในวันนี้
“เยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงฉายแสงเจิดจ้า” ก่อนจะเป็นธรรมทูตเราต้องทำสิ่งที่อิสยาห์สั่งไว้ในประโยคนี้ให้ได้ พระศาสนจักรคือ นครเยรูซาเล็มใหม่ และสิ่งที่พระศาสนจักร หรือ เราคริสตชนแต่ละคนต้องทำคือ ต้องลุกขึ้นและฉายแสง การลุกขึ้นและฉายแสงของพวกเราแต่ละคน ก็คือ การทำสิ่งที่นักบุญเปาโลได้เตือนเราไว้ ในจดหมายของท่าน “ท่านจงถอดสภาพมนุษย์เก่า เลิกประพฤติเลวทรามตามราคะตัณหาที่หลอกให้หลงไป จงมีจิตใจ และความรู้สึกนึกคิดอย่างใหม่ จงสวมใส่สภาพมนุษย์ใหม่ ซึ่งพระเจ้าทรงเนรมิตให้เหมือนพระองค์ มีความชอบธรรม และความศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากความจริง” (เอเฟซัส บทที่ 4 ข้อ 22-24)
นี่คือความหมายแท้ๆของการลุกขึ้นและฉายแสง
“เพราะความสว่างของเจ้ามาแล้ว พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทอแสงเหนือเจ้า” ความสว่างของพระคริสตเจ้าได้มาแล้วถึง 2 พันกว่าปีแล้ว แต่คำถามที่ต้องถามก็คือ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์นั้นได้ทอแสงเหนือเราแล้วหรือยัง แสงจ้าของพระองค์ได้ส่องชีวิตของเราให้สว่างรุ่งโรจน์แล้วหรือยัง? แสงจ้าของพระองค์ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราแล้วหรือยัง? ถ้ายัง งานธรรมทูตของเราก็ยังไม่ได้เริ่มต้น
ชีวิตคริสตชนไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้ว งานธรรมทูตก็คือ งานเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเราเอง ให้เป็นชีวิตที่มีแสงสว่างเจิดจ้าขององค์พระคริสตเจ้า และเพื่อให้ชีวิตของตัวเราเองที่เปลี่ยนไปแล้วนั้น สามารถไปส่องแสงเจิดจ้าเพื่อเปลี่ยนชีวิตของบุคคลอื่นๆ
“ดูซิ ความมืดปกคลุมแผ่นดิน และความมืดทึบปกคลุมประชาชาติทั้งหลาย” ข้อความของอิสยาห์ประโยคนี้ยังคงเป็นความจริงในปัจจุบัน
จำนวนประชากรโลก ใน ขณะที่กำลังเขียนบทสนทนาเจ้าอาวาส ในขณะนี้ ณ เวลา 10.55 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 7,203,733,024 คน และเพิ่มขึ้นตลอดเวลามากกว่า 1 คน ในทุกๆหนึ่งวินาที แต่จำนวนคาทอลิกทั่วโลก ณ จุดเวลาเดียวกันรวมแล้วยังไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลกด้วยซ้ำไป
ประชากรไทยตามปฏิทินคาทอลิกปี 2014 รวมแล้วมีจำนวน 65,714,109 คน แต่ตัวเลขจริงๆอัพเดทแล้ว ณ 2 ม.ค. 2557 มีจำนวน 67,118,175 คน แต่คาทอลิกทั่วประเทศไทยรวม 10 สังฆมณฑลกลับมีจำนวนแค่ 367,978 คน
นี่คือตัวเลขที่บ่งบอกว่าความมืดยังคงปกคลุมแผ่นดิน และความมืดทึบยังคงปกคลุมประชาชาติทั้งหลาย นั่นแสดงว่า เราคริสตชนทั่วโลกยังไม่ได้ฉายแสงเจิดจ้า เรายังไม่ได้เป็นแสงสว่างเพียงพอที่จะฉายแสงไปยังโลกที่มืดทึบ
เรากำลังทำอะไร?
และเราจะต้องทำอะไร และอย่างไรในงานธรรมทูตของเรา ต่อจากนี้ไป?