ความมืดที่ความรักของพระเยซูเจ้าเปลี่ยนแปลงเป็นแสงสว่าง
“ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองแผ่นดินถ้าเกลือจืดไปแล้วจะเอาอะไรมาทำให้เค็มอีกเล่าเกลือนั้นย่อมไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจะถูกทิ้งให้คนเหยียบย่ำ” (มธ5:13)
“เรื่องราวในวันนี้เป็นบันไดสู่ชีวิตในวันหน้า…” เคยมีคนบอกกับพ่อไว้อย่างนี้… เคยมีคนถามว่าเราเอาความเข้าใจเรื่องมิตรภาพเรื่องเพื่อนมาจากไหนกัน…ทำให้คิดถึงชีวิตและบทเรียนที่เพื่อนๆเมื่อยามอยู่ในบ้านเณรบ้านอบรมได้มอบประสบการณ์เรื่องความผูกพันความสัมพันธ์ให้กับชีวิตของเราและแน่นอนเราจึงสามารถนำมาปรับและแบ่งปันให้กันและกัน
สองสามวันก่อน มีโอกาสได้เป็นผู้รับฟังความหนักใจปัญหาในชีวิตของเพื่อนรุ่นน้องถึงสองคน คนหนึ่งพบกับความขัดแย้งในหมู่เพื่อนที่เรียนด้วยกัน พบข้อจำกัดหลายประการที่ไม่สามารถเป็นที่พอใจสำหรับทุกคนได้ แต่ก่อนเคยมีความเข้มแข็งเอาความตรงไปตรงมาใช้จัดการกับความสับสน แต่ก็แลกกับการเข้าใจผิดของเพื่อนที่มีต่อตนเอง หนักใจเหมือนกัน
“แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์”(มธ5:16)
คนหนึ่งดูจะมีความสามารถมีความพร้อม แต่ก็มาพบกับตนเองว่า“ฉันทำไปทำไม…ไม่เห็นจะมีแรงจูงใจให้ฉันตั้งใจทำอย่างเมื่อก่อนเลย” บางทีคนเราทำสิ่งต่างๆเพียงเพื่อตนเองที่สุดก็พบทางตันไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไรไม่มีความหมายเอาเสียเลยกับสิ่งที่กำลังทำกำลังดำเนินชีวิตอยู่
น่าแปลก… กับคำถามจากทั้งสองคน เราไม่มีคำตอบหรือนึกหาคำปลอบโยนให้ ที่น่าแปลกก็คือ เรารู้สึกคุ้นคุ้นรู้สึกเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ มันเหมือนกับที่เราได้เคยมีประสบการณ์เคยพบเจอมาก่อน ที่น่าแปลกที่สุดคือหลังจากเรารับฟังให้เวลารับฟัง เพื่อนรุ่นน้องกลับรู้สึกดีขึ้นกลับรู้สึกมีกำลังใจจะกลับไปเผชิญกับความจริงที่หนักใจที่อยู่เบื้องหน้าต่อไป …ขอบคุณพระที่ช่วยให้แสงสว่างกับเราที่จะยอมเป็นผู้รับฟังและให้กำลังใจ “แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์”(มธ5:16)
เหตุการณ์นี้ช่วยย้ำให้มั่นใจมากขึ้นว่า เราเป็นแสงสว่างของพระคริสตเจ้าสำหรับเพื่อนพี่น้องของเราได้ แม้เราจะเคยมีประสบการณ์ชีวิตที่อ่อนแอและมืดมนแต่ที่ผ่านมาความรักของพระคริสตเจ้าผ่านทางเพื่อนพี่น้องของเราที่มอบความรักความจริงใจให้แก่กันและกันช่วยปรับความมืดมนในชีวิตให้เป็นแสงสว่างและแสงสว่างแห่งการรู้คุณนี้เราจึงเข้าใจเพื่อนพี่น้องของเราที่อ่อนแอหรือพบกับความทุกข์ในชีวิตของเขา
และนี่เป็นเหตุผลที่เราไม่จำเป็นต้องให้ทางออกอะไรมากมายแก่กัน เพียงแค่เราให้ความรักความเข้าใจเราให้โอกาส เราให้เวลาที่จะรับฟัง อีกทั้งให้กำลังใจสำหรับการเผชิญหน้ากับปัญหาในชีวิตของเขา เราก็พบว่า… “ความมืดที่เราเคยมีเราเคยพบนั้น ความรักของพระเยซูเจ้าปรับเปลี่ยนให้กลับกลายเป็นแสงสว่างที่เราจะส่องแสงและมอบให้แก่กันและกัน”