เผาความอยากทุกชนิด:หนทางไปสู่ความเป็นศิษย์พระเยซู
“เผามันให้หมด ผมรับผิดชอบเอง” ประโยคนี้คงจะคุ้นหูพี่น้องหลายๆท่าน
การเผาในหลายกรณีเป็นสิ่งที่ดี เช่น การเผาข้าวหลาม การเผาอาหารบางชนิดที่ต้องห่อด้วยใบตอง การเผาทองคำเพื่อให้ได้เนื้อทองคำบริสุทธิ์ ฯลฯ แต่การเผาในหลายเหตุการณ์เป็นสิ่งเลวร้าย เช่น เผาป่า เผาบ้านเผาเมือง ฯลฯ
ในสัปดาห์ที่แล้วได้พูดถึงเรื่อง เกลือ เพื่อจะรักษาอาหาร เกลือจะต้องสลายตัวของมันเอง ส่วนแสงสว่างเพื่อจะได้รับแสงสว่าง จุดกำเนิดของแสงสว่างนั้นจะต้องเผาตัวของมันเอง เช่น เทียนจะต้องเผาขี้ผึ้งเทียน หรือ ตะเกียงก็จะต้องเผาน้ำมันที่หล่อเลี้ยงไฟตะเกียง
พระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้า มอบบัญญัติให้แก่บรรดาศิษย์ เพื่อให้ถือปฏิบัติ แต่บัญญัติที่พระองค์ทรงมอบให้นี้มิใช่ของใหม่ แต่เป็นบัญญัติเดิมที่มีความเข้มข้นในการปฏิบัติมากกว่าเดิม
ที่ว่าเป็นบัญญัติเดิม ก็เพราะพระเยซูเจ้ายังคงยึดบัญญัติของพันธสัญญาเก่า อันได้แก่บัญญัติ 10 ประการ แต่พระองค์ทรงเน้นบางข้อบางเรื่อง ให้ถือปฏิบัติอย่างเข้มข้นมากขึ้น
การเพิ่มหรือเสริมความเข้มข้นของการปฏิบัติบทบัญญัติ เป็นสิทธิอำนาจโดยตรงของพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเป็นเจ้า
พระเป็นเจ้าได้ให้บัญญัติ 10 ประการผ่านทางโมเสส ส่วนพระเยซูเจ้าทรงเสริมการถือปฏิบัติบทบัญญัติเหล่าให้เข้มข้น หนักแน่นยิ่งขึ้น และเราจะเห็นสิทธิอำนาจของความเป็นพระเจ้าจากพระวาจาบางประโยคของพระองค์ “ท่านได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า……….แต่เรากล่าวแก่ท่าน………..”
“แต่เรากล่าวแก่ท่าน” เป็นประโยคที่แสดงถึงสิทธิอำนาจของการเป็นพระเจ้า และถ้าเราจะสังเกตดูสิ่งที่พระองค์เพิ่มเติมเข้าไปเป็นการเพิ่มเติมเพื่อ “ตัดไฟแต่ต้นลม” คือกันไว้ก่อนที่จะเกิดเหตุหนักๆ เช่น “อย่าล่วงประเวณี….” แต่พระเยซูก็สั่งว่า “อย่าไม่เพียงแต่ล่วงประเวณี แต่ จงอย่า แม้แต่มองคนอื่นด้วยความใคร่”
บาปต่างๆเกิดจากความอยาก ความปรารถนาภายใน และพระองค์พูดชัดเจนในเรื่องนี้เวลาที่พระองค์พูดถึงอาหาร
“ท่านไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งต่างๆจากภายนอกที่เข้าไปในมนุษย์นั้นทำให้เขามีมลทินไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เข้าไปในใจ แต่ลงไปในท้อง แล้วออกไปจากร่างกาย ดังนี้ ทรงประกาศว่า อาหารทุกชนิดไม่เป็นมลทิน พระองค์ยังตรัสอีกว่า “สิ่งที่ออกจากภายในมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย การประพฤติผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน การมีชู้ ความโลภ การทำร้าย การฉ้อโกง การสำส่อน ความอิจฉา การใส่ร้าย ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายใน และทำให้มนุษย์มีมลทิน” (มาระโก 7:18-23)
สิ่งที่อยู่ภายในที่พระเยซูเจ้าพูดถึงนี้คือ ความอยาก ความปรารถนา ที่มีอยู่ในชีวิตของเราแต่ละคนอันเป็นผลมาจากบาป และเราจะต้องควบคุม หรือดีกว่านั้น ทำให้ความอยาก ความปรารถนาเหล่านี้สงบลดน้อยลงและค่อยๆหายไปจากชีวิตของเรา ส่วนอาวุธที่เราต้องใช้ก็คือไม้กางเขน (V)อันได้แก่ การรู้จักตัดและควบคุมบังคับตัวเอง นอกนั้นยังต้องใช้อาวุธชนิดที่สองคือไฟแห่งความรักต่อพระเจ้า
ไฟแห่งความรักต่อพระเจ้าคือ การยอมปฏิบัติตามพระวาจาของพระในสิ่งที่พระองค์สอน เพราะเรารักพระองค์
“ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา” (ยอห์น 14:23)
“การยอมปฏิบัติตามพระวาจา” ก็คือ การเผาความอยากภายในตัวตนของเราให้ค่อยๆมอดลงและในที่สุดดับไป
ทำยากไหม? บุตรสิราพูดชัดเจนในบทอ่านวันนี้ “ถ้าท่านต้องการ ท่านก็ปฏิบัติตามบทบัญญัติได้ ท่านจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับท่าน” (บุตรสิรา 15:15)
ดังนั้นทำไม่ยากแต่ขึ้นอยู่กับว่า เราจะยอมทำหรือไม่เท่านั้น และอีกประโยคหนึ่งยิ่งชัดเจนมากขึ้น เป็นคำพูดของท่านนักบุญเปาโลเอง “แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน เพราะพระอานุภาพแสดงออกเต็มที่เมื่อมนุษย์มีความอ่อนแอ” (2 โครินทร์ 12:9) นั่นคือแม้จะมีความอ่อนแอแต่ก็ไม่เกินกำลังที่จะเอาชนะ
และอีกประโยคหนึ่งของบุตรสิราก็คือ “ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง” (บุตรสิรา 15:16) ดังนั้นมนุษย์ต้องลงมือทำไม่ใช่ให้พระมาคอยช่วย